image cover
ย้อนกลับมารอบนี้ ไม่ขอเป็นผู้กล้า (จบ)
เมื่อเขาหมดประโยชน์ในฐานะผู้กล้า จึงถูกทุกคนดูแคลนและถูกทอดทิ้ง แต่แล้วเขากลับได้รับโอกาสในการย้อนเวลากลับไปตั้งแต่วันแรกที่ถูกอัญเชิญ และครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมถูกใช้เป็นเครื่องมืออีก
ยอดวิว
94.5K
จำนวนตอน
83
ความคิดเห็น
611

รายละเอียด


เมื่อเด็กหนุ่มจากต่างโลกลืมตาตื่นขึ้นมา เขาก็นอนอยู่บนวงเวทอันเชิญ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขามาอยู่บนวงเวทอัญเชิญนี้ เพราะครั้งแรกคือเมื่อสิบห้าปีก่อน ใช่แล้ว เขาย้อนเวลากลับมาตั้งแต่วันแรกที่ถูกอัญเชิญมาที่โลกนี้ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง และเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเขาเอง จากเครื่องมือของราชวงศ์ในฐานะของผู้กล้า...สู่วิถีของนักผจญภัยอิสระอย่างแท้จริง

..........................................

ในโลกของเรื่องนี้ ประกอบด้วย4ทวีปใหญ่ คือทวีปไกอา ทวีปแอตลาส ทวีปปาร์ซี และทวีปหมิง แต่ทว่าทวีปปาร์ซีในปัจจุบันกลายเป็นทวีปแห่งความตายไปแล้ว จากการสำรวจในปัจจุบันนี้ยังไม่พบผู้รอดชีวิต และยังไม่สามารถเข้าไปในเขตกำแพงชั้นในของพวกตัวตนแห่งหายนะได้ ทำได้แค่อยู่รอบนอกทวีปเท่านั้น

………………...

ระดับฐานะในโลกของเรื่องนี้ วัดกันที่ป้ายฐานะ (เรียงจากต่ำไปสูง)

ป้ายฐานะหิน : ผู้ที่ใช้คือชนชั้นทาส หรืออดีตเคยเป็นทาส แม้จะเป็นอิสระแล้วก็จะไม่มีการเปลี่ยนป้ายให้ กรณีมีสังกัดมูลนายจะล้อมกรอบป้ายให้ เช่นกรอบเงินแสดงว่าทำงานให้ขุนนางหรือหน่วยงานของขุนนาง กรอบทองคือทำงานในพระราชวังหรือรับใช้เชื้อพระวงศ์ ซึ่งพวกทาสที่มีป้ายฐานะหินติดกรอบนั้นจะมีฐานะเหนือกว่าไพร่ทั่วไป เรียกว่าข้าราชการชั้นผู้น้อย ต้องรับใช้นายจนวันตาย ไม่มีวันลาออกได้

ส่วนในระบบสาธารณรัฐ จะใช้ป้ายฐานะหินกับนักโทษที่ต้องคดีหนัก เพื่อให้คนทั่วไปรับรู้ว่าเคยก่อคดีติดตัว และต้องพ้นโทษเป็นระยะเวลาสามปี จึงจะกลับมาใช้ป้ายทองแดงได้

ป้ายฐานะทองแดง : ผู้ที่ใช้คือไพร่ในระบบอาณาจักรและจักรวรรดิ มีอิสระในตนเองระดับหนึ่ง กรณีที่ทำงานให้กับขุนนางหรือหน่วยงานราชการจะล้อมป้ายกรอบเงิน และทำงานในพระราชวังหรือรับใช้เชื้อพระวงศ์จะล้อมป้ายกรอบทอง ซึ่งพวกที่ทำงานให้ราชการและราชวงศ์ จะเรียกว่าข้าราชการชั้นผู้น้อย ไม่ต่างไปจากทาสที่รับใช้เจ้านาย จะดีกว่าตรงที่มีสิทธิเลื่อนขั้นในตำแหน่งขุนนาง และอาจพัฒนาเป็นป้ายฐานะเงินได้ หากได้รับตำแหน่งขุนนาง

ส่วนป้ายทองแดงในระบบสาธารณรัฐนั้น จะใช้กันทั่วทุกคนในประเทศไม่มียกเว้น แต่มีระบบกรอบป้าย โดยผู้ที่ล้อมกรอบป้ายเงินคือเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่ดำรงตำแหน่ง ส่วนผู้ที่ล้อมกรอบป้ายทองจะมีแค่สามคนในประเทศเท่านั้น คือประธานาธิบดี หัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูงสุด และประธานสภาผู้แทนราษฏร

ป้ายฐานะเงิน : ผู้ที่ใช้คือขุนนางในระบบอาณาจักรและจักรวรรดิเท่านั้น,ไม่ปรากฏป้ายเงินในระบบสาธารณรัฐ

ป้ายฐานะทอง,ทองคำขาว,หยก : ผู้ที่ใช้คือเชื้อพระวงศ์ สมาชิกของพระราชวงศ์ใดพระราชวงศ์หนึ่ง รวมทั้งผู้นำสูงสุดของราชวงศ์อย่างราชาและราชินี โดยราชวงศ์ในทวีปไกอานิยมใช้ทองคำขาว ส่วนทวีปแอตลาสใช้ทอง และทวีปหมิงใช้หยก,ไม่ปรากฏป้ายทอง ทองคำขาว หรือหยกในระบบสาธารณรัฐ

กรณีที่ไม่มีป้ายฐานะ จะพบกับความยากลำบากในการดำเนินธุรกรรมหรือเข้าพักอาศัยในดินแดนใดดินแดนหนึ่ง เนื่องจากจะถูกมองว่าเป็นพวกป่าเถื่อน หรือไม่ก็นักโทษหลบหนีคดี

…………………………..

ยศตำแหน่งในโลกของเรื่องนี้ มี2กลุ่มใหญ่ คือกลุ่มเชื้อพระวงศ์ กลุ่มขุนนาง ส่วนตำแหน่งอื่นๆที่ไม่ระบุนอกจากนี้ ในทวีปไกอาและแอตลาสจะถูกมองว่าเป็นสามัญชนหมด โดยตำแหน่งจะเรียงจากสูงไปต่ำ

กลุ่มชนชั้นเชื้อพระวงศ์ (Royal or Imperial Class)

จักรพรรดิและจักรพรรดินี (Emperor or Empress) : เป็นตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุด โดยจักรพรรดิหรือจักรพรรดินีจะปกครองดินแดนหรือประเทศตนที่ชื่อว่า จักรวรรดิ ยกตัวอย่างเช่น จักรวรรดิต้าหลง จักรวรรดิเอเธียน่า ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้มักจะเป็นอาณาจักรที่มีประเทศราชในปกครอง ไม่ได้ทำลายดินแดนอื่นๆเมื่อตนเอาชนะได้ จึงได้รับการเรียกขานว่าเป็นจักรพรรดิ หรือจักรพรรดินี กรณีของทวีปต้าหลง จะเรียกตำแหน่งนี้ว่าฮ่องเต้ หรือฮองเฮา

ราชาและราชินี (King or Queen) : เป็นตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิหรือจักรพรรดินี ประเทศที่ตำแหน่งนี้ปกครองจะเรียกว่าอาณาจักร ต่างกับจักรรรดิตรงที่หากเอาชนะอาณาจักรของศัตรูได้ ก็เลือกจะควบรวมหรือทำลายทิ้งจนสิ้นซาก ไม่ได้เอาไว้เป็นประเทศราช ดังนั้นผู้นำประเทศที่ใช้วิธีควบรวมดินแดนของศัตรู หรือไม่มีประเทศราชในปกครอง จะดำรงตำแหน่งนี้

มกุฎราชกุมาร มกุฎราชกุมารี หรือรัชทายาท (Crown prince or Crown princess) : ตำแหน่งที่เจ้าชายหรือเจ้าหญิงจะได้รับเลือกเป็นราชาหรือจักรพรรดิในอนาคต ได้รับเกียรติสูงกว่าเจ้าชายและเจ้าหญิงทั่วไป

อาร์คดยุคและอาร์คดัชเชส (Archduke or Archduchess) : ตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดของเมืองประเทศราช มีอำนาจเท่ากับกษัตริย์ ประเทศที่ปกครองโดยตำแหน่งนี้จะเรียกว่า ราชรัฐ ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่ากษัตริย์ หากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาณาจักรที่ปกครองตนก็จะต้องนอบน้อมไม่ต่างอะไรไปจากขุนนางชั้นสูง อาร์คดยุคและอาร์คดัชเชสได้รับเกียรติให้มีลำดับสูงกว่าเจ้าชายและเจ้าหญิง แต่ตำกว่าราชาและราชินี ดังนั้นบางคนจึงมองว่าตำแหน่งนี้ทัดเทียมกับองค์รัชทายาท

แกรนดยุคและแกรนดัชเชส (Grand duke or Grand duchess) : ตำแหน่งขุนนางขั้นสูงสุดที่สงวนไว้ให้สายเลือดเชื้อพระวงศ์ โดยสายเลือดเชื้อพระวงศ์ที่ได้รับตำแหน่งนี้มักเป็นบุตรหรือธิดาซึ่งควบตำแหน่งเจ้าชายหรือเจ้าหญิงอยู่ หากแต่มีบทบาทในการบริหารดินแดนและหน้าที่ของขุนนางร่วมด้วย

เจ้าชายและเจ้าหญิง (Prince or Princess) : ตำแหน่งนี้จะมอบให้กับบุตรชายและบุตรหญิงที่สืบสายเลือดจากกษัตริย์ผู้ปกครองประเทศ แต่ทว่าตำแหน่งนี้ก็มอบให้กับเจ้าเมืองประเทศราชเช่นกัน โดยเจ้าเมืองประเทศราชที่ได้รับตำแหน่งนี้ เกียรติและศักดิ์ศรีจะด้อยกว่า อาร์คดยุค และอาร์คดัชเชส เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองและปัจจัยอื่นๆ

อ๋อง (王) : ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์พิเศษที่มีเฉพาะทวีปหมิง ในจักรวรรดิต้าหลงมอบให้กับเชื้อสายราชวงศ์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิง รวมถึงเมืองประเทศราชในทวีปหมิง

กลุ่มชนชั้นขุนนาง (Noble Class)

ดยุคและดัชเชส (Duke or Duchess) : ตำแหน่งขุนนางระดับสูงสุด ที่สงวนไว้ให้ผู้ที่มีเชื้อสายของราชวงศ์ หรือบรรพบุรุษที่ร่วมกันก่อตั้งประเทศกับราชวงศ์ จะได้รับตำแหน่งนี้ โดยสายเลือดราชวงศ์ที่ได้รับตำแหน่งนี้ จะถือว่าสิ้นสุดความเป็นราชวงศ์ แต่ทว่าบุตรธิดาที่เกิดจากดยุคจะต้องแต่งกับราชวงศ์เท่านั้น เพื่อรักษาสายเลือดราชวงศ์เอาไว้ กรณีดยุคที่ไม่มีที่ดินของตัวเอง อาจได้รับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุด

มาร์ควิสและมาคิโอเนส (Marquis or Marchioness) : ตำแหน่งขุนนางระดับสูงสุดเท่าที่สามัญชนซึ่งไม่มีสายเลือดเชื้อพระวงศ์จะเป็นได้ มีหน้าที่รักษาดินแดนที่ติดกับอาณาจักรศัตรู และต่อสู้กับอาณาจักรศัตรู หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็เหมือนผู้บัญชาการทหาร โดยตำแหน่งนี้ในทวีปไกอา จะเรียกว่า มาเกรฟ (margrave) ส่วนภริยาของมาเกรฟ จะถูกเรียกว่ามาคิโอเนสเช่นเดิม

เคาท์และเคาท์เตส (Count or Countess) : ตำแหน่งขุนนางที่มีอำนาจทางการทหารรองจากมาร์ควิสหรือมาร์เกรฟ คอยต่อสู้กับอริศัตรูของอาณาจักรเช่นกัน แต่ในเขตปกครองมักจะเล็กกว่า และอาจถูกขอเกณฑ์กำลังพลไปร่วมรบในบางครั้ง เป็นตำแหน่งลำดับสุดท้ายที่อนุญาติให้มีการสืบสายเลือด

ไวเคานต์และไวเคาน์เตส (Viscount or Viscountess) ตำแหน่งขุนนางที่มอบให้กับผู้ทำความดีความชอบ มีสิทธิในการปกครองเมืองและเก็บภาษีเหมือนตำแหน่งอื่นๆ แต่ไม่มีอำนาจทางการทหาร และบุตรหลานอาจไม่ได้สืบตำแหน่งต่อ หากราชาหรือราชินีไม่อนุญาติ แม้ว่าจะไม่ได้ทำความผิดใดๆก็ตาม

บารอนและบารอนเนส (Baron or Baroness) ตำแหน่งนี้จะมอบให้กับนักรบหรืออัศวินที่แข็งแกร่งและมีความรู้ในการปกครองบ้านเมือง เป็นตำแหน่งขุนนางลำดับสุดท้ายที่เล็กที่สุด แต่ได้รับความไว้วางใจจากราชาหรือราชินี เพราะบารอนต้องปกครองชายแดนที่ธุรกันดารรวมถึงต้องรับมือกับศัตรูและมอนสเตอร์ โดยปกติบารอนมักจะอยู่ภายใต้สังกัดของมาร์ควิสหรือมาเกรฟโดยอัตโนมัติ เพื่อเตรียมถูกเรียกใช้งานเวลามีสงคราม ตำแหน่งนี้อนุญาติให้สืบต่อทางสายเลือดได้ ตราบเท่าที่ราชาและราชินีไม่มีคำสั่งใดๆลงมา

อัศวิน (Knight) : ตำแหน่งทหารหรือนักรบที่เหนือกว่านักรบทั่วไป โดยมากมักใช้เรียกนักรบเวทที่มีความสามารถสูงมาก ผู้ที่ได้รับตำแหน่งอัศวินสามารถพัฒนาไปเป็นองครักษ์หรือทหารรับจ้างระดับสูงได้ อีกทั้งยังอาจได้ตำแหน่งเป็นบารอนหรือไวเคานต์ หรือแม้กระทั้งมาร์ควิส ในทวีปไกอา จะเรียกอัศวินว่า เชอวาเลีย (Chevalier)

…………………………..

ระดับขั้นของพลังเวท ประเภทของเวทมตร์ รูปแบบของเวทมนตร์ และคัมภีร์เวท :

ระดับขั้นของพลังเวท

คุณสมบัติของจอมเวท ติดตัวเด็กทารกในโลกนี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเขารู้จักพลังเวทและการใช้เวท ดังนั้นแม้ผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนพลังเวทหรือคนทั่วไป ก็ยังรู้จักการดูดกลืนมานา ซึ่งเรียกกันว่าการโคจรประสานเวท เพื่อเพิ่มพลังกายตน

แต่สิ่งที่ต่างกันระหว่างคนทั่วไป กับจอมเวท นั่นคือพลังที่เรียกกันว่า มหาเวท มหาเวทนั้นคือเวทที่ใช้ต่อสู้กันโดยเฉพาะ เป็นอาวุธเริ่มต้นของทหาร นักรบ หรือขุนนาง ไปจนถึงเชื้อพระวงศ์ ดังนั้นชนชั้นสูงจึงรู้จักมหาเวทตั้งแต่พวกเขายังไม่หย่านมด้วยซ้ำ

โดยมหาเวทจะต่างจากเวททั่วไปตรงที่พวกมันประกอบกันด้วยวงเวทและเขตแดนเวท ซึ่งต้องอาศัยพลังเวทในร่าง และมานาในอากาศผสมผสานกัน โดยจะอธิบายตามด้านล่างดังนี้

ระดับพลังเวทในร่าง : เมื่อเริ่มการฝึกฝนมหาเวท จะวัดความแข็งแกร่งกันที่วงเวทที่ร่ายออกมา โดยวงเวท 10 วง จะสามารถรวมตัวกันพัฒนาเป็นมหาเวทได้ โดยมหาเวทระดับ1 มักจะเป็นการรวมตัวกันของวงเวท10วง และเวทเขตแดนผสานเฉพาะ 3เวทเขตแดนเสมอ โดยเวทเขตแดนผสานจะเริ่มประกอบลงในวงเวททุกๆ3ระดับ จึงจะกลายเป็นมหาเวท1วง

โดยมหาเวทนั้นเป็นที่รู้กันดีกว่าเป็นเวทที่มีพลังสูงซึ่งสำหรับใช้ในการต่อสู้โดยเฉพาะ ดังนั้นคนทั่วไปที่ไม่ได้รับการฝึกสอน หรือมีคัมภีร์เวท ย่อมไม่อาจใช้มหาเวทได้

ยิ่งฝึกวงเวทเพื่อผสานเป็นมหาเวทเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้จำนวนวงเวทและเวทเขตแดนผสานมากเท่านั้น ทำให้กระแสพลังเวทในร่าง และการดึงมานาในอากาศเข้ามาสู่ร่างกายเพื่อแปลงเป็นพลังเวทยิ่งมากขึ้น จนในที่สุดร่างกายของจอมเวทบางคนอาจทนไม่ไหว และอาจเสียชีวิตหรือพิการได้

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยทางสมาคมจอมเวทจึงมีกำหนดความเหมาะสมในการฝึกดังนี้ โดยความเหมาะสมต่อการฝึกเวทวัดจากจอมเวทมาตรฐานของสมาคม หรือบุตรหลานจอมเวทในสมาคม

ดังนั้นหากมีคนที่สามารถฝึกฝนได้เหนือกว่าจอมเวทมาตรฐาน คนคนนั้นจะถูกเรียกว่า อัจฉริยะ แต่หากฝึกได้ต่ำกว่า จะเรียกว่าคนปกติหรือทั่วไป ไม่ใช่เรื่องน่าน้อยใจอะไร

อายุต่ำกว่า7ปี ไม่ควรฝึกเวทในระดับมหาเวท หรือการร่ายวงเวทที่มากกว่า10วงขึ้นไป

อายุ8-11ปี ไม่ควรฝึกมหาเวทเกินระดับ2 หรือการร่ายวงเวทที่มากกว่า20วงขึ้นไป

อายุ12-14ปี ไม่ควรฝึกมหาเวทเกินระดับ4 หรือการร่ายวงเวทที่มากกว่า40วงขึ้นไป

อายุ15ปี แต่ไม่เกิน18ปี ไม่ควรฝึกมหาเวทเกินระดับ6 หรือการร่ายวงเวทที่มากกว่า60วงขึ้นไป

อายุ18ปีขึ้นไป สามารถฝึกมหาเวทได้ตามใจ ไม่มีข้อห้ามหรือบังคับ

……………………..

ประเภทของเวทมนตร์ : เวทมนตร์ในโลกนี้มีอยู่เจ็ดประเภท ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า แสง และความมืด โดยทั่วไปจะเรียกประเภทของเวทมนตร์ว่า ธาตุ

มนุษย์ทุกคนมีพลังของเวททุกธาตุในตัวอยู่แล้ว แต่จะมีเวทที่ถนัดที่สุดเพียงหนึ่งธาตุ และสามารถต่อยอดไปจนถึงระดับมหาเวทได้ ต่างจากเวทที่ไม่ถนัดซึ่งทำได้เพียงช่วยเหลือในกิจวัตรประจำวัน **เป็นการยากมากๆที่จะพบผู้ถนัดเวทมากกว่าหนึ่งธาตุ เปรียบดั่งงมเข็มในมหาสมุทร**

รูปแบบของเวทมนตร์ : เวทมนตร์นั้นมีรูปแบบการใช้งานอยู่ทั้งหมด 5รูปแบบ (เพิ่มมาอีก1ในภายหลัง) โดยรูปแบบการใช้งานเวทมนตร์จะมีดังนี้

รูปแบบโจมตี : รูปแบบเวทมนตร์ที่เน้นไว้ใช้สำหรับต่อสู้หรือสังหารเอาชีวิตอีกฝ่าย เวทที่สามารถทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บหรือตายได้จะเข้าข่ายนี้หมด

รูปแบบป้องกัน : รูปแบบเวทมนตร์ที่เน้นปกป้องและป้องกันบุคคลหรือสิ่งของจากอันตราย เช่นเวทบาเรีย เวทป้อมปราการ หรือเวทเขตแดนจะเข้าข่ายรูปแบบนี้

รูปแบบสนับสนุน : รูปแบบเวทมนตร์ประเภทสนับสนุนและช่วยเหลือในการต่อสู้ เช่นเวทรักษาบาดแผล เวทลบล้างคำสาป เวทเสริมพลังกายภาพ และเวทเพิ่มพลังให้กับเวทมตร์ด้วยกัน จะเข่าข่ายรูปแบบนี้

รูปแบบก่อกวน : รูปแบบเวทมนตร์ที่เน้นส่งผลร้ายต่ออีกฝ่าย เช่นเวทอัมพาต เวทพิษ เวทลวงตา เวททำให้ง่วงนอนหรือขาดสติ เป็นต้น

รูปแบบเรียกใช้และควบคุม : รูปแบบเวทมนตร์ที่เน้นต่อยอดหรือแสดงผลจากอุปกรณ์เวทมนตร์ หรือสิ่งของที่มีพลังเวทอยู่แล้ว เช่นเรียกใช้คุณสมบัติเวทมนตร์จากอุปกรณ์เวท หรือถ่ายทอดคำสั่งควบคุมวัตถุและอุปกรณ์เวทมนตร์ เป็นต้น

**รูปแบบพิเศษ : รูปแบบเวทมนตร์ที่เกิดขึ้นใหม่ ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อรองรับพลังและรูปแบบการใช้งานที่ไม่มีในโลกใบนี้ โดยมากพลังประเภทนี้มักไม่มีมานาจากโลกผสมอยู่ ยกตัวอย่างเช่นพลังจิตของแลนซ์ พลังลมปราณของผู้กล้าอาม่อน และพลังต่างๆของพวกหายนะสีดำหรือผู้กล้าคนอื่นๆ จะเข้าข่ายข้อนี้หมด

เวทมนตร์ทุกสายและทุกระดับนั้น ล้วนแล้วแต่จะต้องมีรูปแบบเวทมนตร์รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งผสมผสานอยู่อย่างน้อยหนึ่งรูปแบบเสมอ

หมายเหตุ **รูปแบบพิเศษเป็นการบัญญัติขึ้นมาใหม่ ดังนั้นจะไม่พบรูปแบบนี้ในคัมภีร์เวท

………………………………….

คัมภีร์เวท : เมื่อถึงระดับสูงอย่างมหาเวทขึ้นไป จะทำการท่องบทร่ายเวทซึ่งหยิบยืมพลังจากตัวตนที่สูงกว่ามนุษย์ เช่น เทพ อสูร ภูติ สัตว์เทพ สัตว์อสูร เพราะพลังในระดับมหาเวทมานาในร่างกายมนุษย์ไม่เพียงพอที่จะใช้งานมัน หรือไม่ก็ต้องแลกกับมานาทั้งหมด ดังนั้นการร่ายเวทเพื่อขอหยิบยืมพลังจึงง่ายกว่า

ในเบื้องต้นแล้ว พลังเวททุกธาตุจะหยิบยืมพลังจากตัวตนใดก็ได้ ยกเว้นในระดับมหาเวทที่จะเห็นถึงความต่าง เพราะในระดับมหาเวท ตัวตนเหนือมนุษย์เป็นฝ่ายเลือกมนุษย์ มิใช่มนุษย์เป็นผู้เลือก โดยสมาคมจอมเวทสากล จะทำหน้าที่บรรจุคัมภีร์มหาเวทและประเภทพลังของตัวตนลงในคัมภีร์ เพื่อให้จอมเวทในยุคนี้สะดวกสบายต่อการทำสัญญาและใช้งาน

คัมภีร์สายเทพ : สามารถหยิบยืมพลังมหาเวทได้แทบทุกธาตุ ยกเว้นธาตุมืดกับธาตุดิน เนื่องจากพลังมืดและดินมีความใกล้ชิดกับอสูรมากกว่า ดังนั้นคัมภีร์มหาเวทธาตุมืดสายเทพจึงไม่มีขายในสมาคมจอมเวทสากล ส่วนธาตุดินจะมีราคาที่ค่อนข้างถูกเพราะคนไม่นิยมใช้กัน เนื่องจากไม่มีรูปแบบโจมตี

โดยตัวตนอย่างเทพนั้นจะให้พลังกับมนุษย์ซึ่งมีเชื้อสายอันสูงศักดิ์ เช่นขุนนางและเชื้อพระวงศ์เป็นต้น

คัมภีร์สายอสูร : สามารถหยิบยืมพลังมหาเวทได้แทบทุกธาตุ ยกเว้นธาตุแสงกับสายฟ้า เนื่องจากธาตุแสงและสายฟ้ามีความใกล้ชิดกับเทพมากกว่า ดังนั้นคัมภีร์ธาตุแสงสายอสูรจึงไม่มีขายในสมาคมจอมเวทสากล แต่ทว่าคัมภีร์สายฟ้าธาตุอสูรกลับราคาแพงและหายาก ตรงข้ามกับธาตุดินเทพ เพราะสายฟ้าอสูรมีพลังโจมตีที่รุนแรง และมีสีแดงเลือดอันเป็นเอกลักษณ์

ตัวตนอย่างอสูรนั้นนิยมทำสัญญากับมนุษย์ที่หัวรุนแรง หัวกบฏ หรือชอบใช้กำลัง แต่ถึงกระนั้นก็ต้องกล้าหาญและมีฝีมือด้วยเช่นกัน ตัวตนอสูรถึงจะยอมรับ

คัมภีร์สายภูติ : ภูติเป็นตัวตนที่อ่อนโยนและใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุด ภูตินั้นยินดีช่วยเหลือมนุษย์ทุกผู้ทุกนามโดยไม่แบ่งแยก ยกเว้นมนุษย์ที่มีจิตใจชั่วร้ายและขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ดังนั้นเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ที่อยู่กับการแก่งแย่งชิงดีและเอารัดเอาเปรียบ จึงแทบไม่เคยได้รับเลือกจากมหาเวทสายภูติ จนพาลทำให้ชนชั้นสูงมองว่ามหาเวทจากภูตินั้นอ่อนแอ

คัมภีร์สายสัตว์เทพ : สัตว์เทพที่มีความใกล้เคียงกับเทพแต่อยู่ในสถานะสัตว์ สามารถให้มนุษย์หยิบยืมพลังของตนได้เช่นกัน โดยพลังของสัตว์เทพจะเน้นการต่อสู้ประชิดเนื่องจากสัญชาตญาณของตน ดังนั้นวิชามหาเวทจากสัตว์เทพจึงต้องใช้ควบคู่กับอาวุธทั้งสิ้น โดยสัตว์เทพจะเลือกมนุษย์ผู้ใดก็ได้ที่กล้าหาญและยืนหยัดต่อต้านกับอธรรมหรือความชั่วร้าย

คัมภีร์สายสัตว์อสูร : มีความใกล้เคียงกับสัตว์เทพแต่อยู่ข้างอสูร สามารถให้มนุษย์หยิบยืมพลังของตนได้เช่นกัน แต่ทว่าสัตว์อสูรนั้นนิยมชมชอบผู้แข็งแกร่งและเฉลียวฉลาดตั้งแต่แรก ยิ่งมีพรสวรรค์ยิ่งชอบ ดังนั้นมหาเวทของสัตว์อสูรจึงใช้งานยากกว่าทุกสาย และต้องใช้อุปกรณ์เวทมาประกอบ จนพาลทำให้เวทจากสัตว์อสูรมีราคาถูกกว่าทุกสาย เนื่องจากความยุ่งยากในการใช้งาน

...อ่านเพิ่มเติม

รีวิวผู้อ่าน

4 รีวิว
จัดเรียงตาม
    
กำลังโหลด...

สารบัญ

83 ตอน
เพิ่มตอนล่าสุด 06 ส.ค. 2020
กำลังโหลด...

เผยแพร่โดย

4
เรื่อง
285
ผู้ติดตาม