รายละเอียด
ผู้รุกราน

อุบัติเหตุเพียงครั้งเดียวกลับทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปตลอดกาล ผมตื่นขึ้นในโลกที่ไม่ใช่บ้าน แต่คือป่ามิติหมอกพิษ ดินแดนที่อารยธรรมถูกกลืนหาย รอยแยกจากต่างมิติฉีกขาดเต็มท้องฟ้า และสัตว์ร้ายวิวัฒน์จนเกินเหตุผล รอยสักลึกลับและพลังมิติที่ควบคุมไม่ได้กลายเป็นทั้งคำสาปและกุญแจเดียวที่ผมมี หากไม่เรียนรู้ที่จะควบคุมมัน ผมอาจถูกหมอกพิษสังหารในไม่กี่วัน แต่หากทำได้…บางทีผมอาจไขปริศนาตระกูลผู้หายสาบสูญที่ถูกเอาทิ้งไว้ได้ และตัดสินใจได้ว่าจะกลับบ้าน หรืออยู่เพื่อกอบกู้โลกใบนี้
บันทึกการเดินทาง ลึกสู่ม่านหมอกแห่งความบ้าคลั่งเพื่อไขปริศนาของโลกใบนี้
วันที่ [ลบเลือน] - หรือสัปดาห์ที่ผ่านมา เวลาไม่มีความหมายในป่าแห่งนี้
หมอกพิษ... มันไม่ใช่เพียงแค่ไอน้ำในอากาศ มันมีชีวิต มันหายใจ มันกระซิบ ผืนผ้าสีเขียวปนเทาที่คลี่คลุมเส้นทางนี้พันรอบตัวผมราวกับมือของสิ่งมีชีวิตที่ไร้รูปร่าง ผมรู้สึกได้ถึงการจับจ้องของมัน แม้จะมองไม่เห็นดวงตา
รากไม้คดงอพวกนั้น... โอ้ทวยเทพ มันบิดพันในรูปแบบที่ธรรมชาติไม่ควรจะเป็นเหมือนกับที่พวกเขาเล่าลือกัน และยังมีเสียง... เสียงกระซิบที่ไหลออกมาจากเปลือกไม้ ไม่ใช่เสียงลม ไม่ใช่เสียงกิ่งไม้ แต่เป็นคำพูด ในภาษาที่หูผมไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่จิตใต้สำนึกผมกลับเข้าใจมันทุกถ้อยคำอย่างน่าสยดสยอง
มีเสียงแว่วมาจากรอยแยกในอากาศอันห่างไกล เสียงที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นเป็นจังหวะ เหมือนมีมือล่องหนกำลังบีบคอผม ผมพยายามที่จะไม่ฟัง แต่มันกลับเจาะเข้ามาในกระดูก เข้ามาในไขสันหลัง!
[รอยหมึกเปื้อนกระดาษ เส้นตัวอักษรเริ่มโย้เย้]
กำแพงหิน... สวรรค์ทรงโปรด กำแพงหินที่ผมเจอ... คำจารึกบนนั้นไม่ได้แค่เรืองแสง แต่มันเคลื่อนไหว มันสั่นระริก มันดิ้นรนราวกับพยายามจะหลุดออกมาจากหินที่ขังมันไว้หลายศตวรรษ
ผมสัมผัสมันได้ด้วยปลายนิ้ว และความเย็นเฉียบพลันกัดเข้ามาถึงกระดูก มันไม่ใช่ความเย็นธรรมดา แต่เป็นความเย็นของสิ่งที่ไม่ควรมีชีวิต มันกำลังพยายามดูดกลืนความอบอุ่นจากเนื้อหนังของผม!
[หน้ากระดาษฉีกขาด]
ใต้ซากวิหารร้าง... วิหารของเทพเจ้าองค์ใด? ไม่มีสัญลักษณ์ใดๆ ที่ผมรู้จัก แต่มีสัญลักษณ์วงกลมซ้อนกันสามวงที่ลอยอยู่เหนือแผ่นศิลา
ที่ผมบอกว่า “ลอย” เพราะมันไม่ได้ถูกสลัก มันไม่ได้ถูกวาด แต่มันอยู่ที่นั่น เหมือนกับมีชีวิตด้วยตัวของมันเอง คืบคลานบนผิวหินด้วยการเคลื่อนไหวที่ช้าและน่าขยะแขยง ทุกครั้งที่ผมกะพริบตา รูปร่างมันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยจนแทบไม่พบความแตกต่าง แต่ผมรู้ว่ามันกำลังเข้าใกล้เหมือนกับฝูงปลิงกระหายเลือด!
ผมไม่กล้ามองมันนานเกินไป แต่ผมก็เริ่มเห็น เห็นใบหน้าในรูปแบบของมัน ใบหน้าที่ไม่ใช่ของมนุษย์ ไม่ใช่ของสัตว์ ไม่ใช่ของสิ่งใดที่ควรจะมีอยู่บนโลกใบนี้
[ลายมือสั่นเป็นเส้นหยัก หมึกหกเลอะหน้ากระดาษไปหนึ่งในสาม]
ในโพรงมืดที่ลึกเข้าไปในป่า สถานที่ที่ผมไม่ควรจะลงไปที่นั่น แต่เสียงอันน่าสยดสยองนั่นมันก็เอาแต่เรียกผมอยู่ตลอดเวลา เสียงที่ไม่ใช่เสียงจากริมฝีปาก แต่เสียงที่ดึงดูดในจิตใจน่ารำคาญ!
บันทึกนั่น ตัวอักษรบนนั้น มันเขียนด้วยอะไร!?
มันไม่ใช่หมึก ไม่ใช่ถ่าน แต่เป็นของเหลวสีแดงดำที่ดูเหมือนเลือดที่แห้งแล้ว ตัวอักษรพวกนั้นคดงอราวกับเส้นเลือดใต้ใบไม้เน่า พวกมัน- พระเจ้าช่วย พวกมันเคลื่อนไหว!
อย่ามองเด็ดขาด อย่ามอง อย่ามอง อย่ามอง!
[หน้าสุดท้าย แทบอ่านลายมือไม่ออก]
พวกเขาเคยล่าว่าสัญลักษณ์เหล่านี้เกี่ยวพันกับการล่มสลายของโลก เป็นต้นกำเนิดของหมอกบ้าๆ นี่ทั้งหมด แต่ไม่มีใครอยู่นานพอที่จะเล่าให้ฟังจนจบ พวกเขาหายไป หนึ่งคนแล้วหนึ่งคนเล่า ราวกับถูกหมอกกลืนหายเข้าไปเพื่อเติมเต็มความหิวอันไร้จุดสิ้นสุดของมัน!
ผมเข้าใจแล้ว... หรือบางทีผมอาจกำลังเสียสติไปแล้วก็ได้
ทุกก้าวในป่าแห่งนี้ ไม่ได้พาผมเข้าใกล้ความจริง แต่ความจริงกำลังเจาะเข้ามาในเนื้อหนังของผม ผ่านเข้าหู ผ่านเข้าม่านตา ผ่านเข้าทุกรูขุมขน!
ดังนั้นความจริงจึงไม่ใช่สิ่งที่ควรถูกค้นพบ แต่มันคือสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่เลยตั้งแต่แรก อย่างที่พวกเขาเตือนไว้ไม่มีผิด! และถึงแม้ว่าผมจะหลับตาไปแล้ว ตัวอักษรเหล่านั้นยังไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อน!
หมอกกำลังหนาขึ้น... และผมได้ยินเสียงมันเรียกชื่อผมอีกครั้ง ชื่อที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองถูกเรียกว่าอะไร
[บันทึกจบลงอย่างกะทันหัน หน้าที่เหลือเป็นเพียงรอยเปื้อนสีดำ]
รีวิวผู้อ่าน
0 รีวิว
จัดเรียงตาม
อ่านบนแอปฯ Fictionlog
ดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อการอ่านที่ดียิ่งขึ้น