จบ
35.15
-5%
37.00
ราคาของทุกตอน ไม่รวมตอนที่เคยซื้อไปแล้ว
รายละเอียด

บทนำ
ณ มหาทวีปเทวะ ดินแดนที่คลื่นพลังยุทธไหลเวียนดุจสายน้ำ และลมปราณคือลมหายใจแห่งชีวิต เกียรติยศและชะตากรรมถูกหล่อหลอมขึ้นจากความแข็งแกร่งของผู้คน พลังถูกจำแนกอย่างชัดเจนออกเป็นเก้าระดับอันยิ่งใหญ่ แต่ละระดับแบ่งย่อยอีกสิบขั้น จากระดับก่อกำเนิดอันเป็นรากฐาน ไปจนถึงระดับราชันย์เทวะขั้นที่สิบ ซึ่งเป็นเพียงตำนานที่เล่าขาน ทักษะและศาสตราวุธก็มีลำดับชั้นของมันเอง แบ่งเป็นสี่ระดับ: ต่ำ กลาง สูง และสูงสุด ซึ่งถูกจำแนกด้วยสีตามพลังอำนาจอีกสี่ขั้น: ขาว เขียว ฟ้า และแดง ศาสตราวุธระดับสูงสุดขั้นสีแดงนั้น กล่าวกันว่ามีอานุภาพพอที่จะทลายสวรรค์และแยกปฐพีได้ด้วยการตวัดเพียงครั้งเดียว
ณ อาณาจักรเมฆาสวรรค์อันกว้างใหญ่ ที่ซึ่งพรรคฝ่ายธรรมะรุ่งเรืองถึงขีดสุด "ตระกูลหลิน" ตั้งตระหง่านในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลเสาหลักผู้ยิ่งใหญ่ เกียรติภูมิของพวกเขาเลื่องลือไปทั่วหล้า ไม่เพียงเพราะความแข็งแกร่งของผู้นำและเหล่าผู้อาวุโส แต่ยังเป็นเพราะปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่บังเกิดขึ้นเมื่อสิบแปดปีก่อน การถือกำเนิดของแฝดสี่แห่งสวรรค์
หลินหลง, บุตรชายคนรอง ผู้มาพร้อมนิมิตมังกรครามทะยานฟ้า เขาคืออัจฉริยะด้านการต่อสู้โดยแท้ เงียบขรึมและทุ่มเทให้กับการฝึกทวนอย่างบ้าคลั่ง ทวนในมือเขาราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย หนักหน่วงดุจกรงเล็บมังกร เฉียบคมดุจสายฟ้าฟาด
หลินเยว่, บุตรสาวคนที่สาม งดงามดุจเทพธิดาจันทรา นางคืออัจฉริยะด้านค่ายกลและกลยุทธ์ สติปัญญาของนางลึกล้ำดั่งมหาสมุทร สามารถมองทะลุแผนการของศัตรูและวางค่ายกลที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย
หลินฮวา, บุตรสาวคนสุดท้อง ร่าเริงดั่งตะวันแรกแย้ม แต่วรยุทธของนางกลับร้อนแรงดั่งเพลิงผลาญ พรสวรรค์ด้านการต่อสู้ระยะประชิดของนางนั้นไร้เทียมทาน เพลงหมัดและกริชคู่ของนางรวดเร็วและอันตรายจนน่าพรั่นพรึง
ทั้งสามคือความภาคภูมิใจของตระกูลหลิน คือดาวรุ่งดวงใหม่แห่งฝ่ายธรรมะที่ทุกคนต่างจับตามอง พวกเขากำลังเตรียมตัวเพื่อเข้าร่วม "การทดสอบระดับมังกรหยกสวรรค์ รุ่นที่ 7" การประลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทั่วทั้งทวีป ซึ่งจะจัดขึ้น ณ เมืองหลวงเทวะในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า มันคือเวทีสำหรับเหล่าอัจฉริยะที่จะสร้างชื่อเสียงและเกียรติยศให้แก่ตนเองและตระกูล
ทว่าโลกมักจะลืมไปว่า...ยังมีอีกคนหนึ่ง
หลินเฟิง...พี่ชายคนโต
หากน้องทั้งสามคือดาวประกายพรึกที่เจิดจรัส หลินเฟิงก็เปรียบเสมือนห้วงรัตติกาลอันเงียบสงัดที่โอบอุ้มดวงดาวเหล่านั้นไว้ พรสวรรค์ของเขาไม่ได้อยู่ในระดับ "อัจฉริยะ" แต่มันคือสิ่งที่อยู่เหนือกว่านั้น...มันคือ "ปาฏิหาริย์"
ทุกเคล็ดวิชาที่ลึกล้ำที่สุด เขาสามารถเข้าใจแก่นแท้ของมันได้เพียงแค่ชายตามอง ทุกค่ายกลที่ซับซ้อนที่สุด เขาสามารถมองเห็นจุดบกพร่องของมันได้ในพริบตา การฝึกยุทธที่คนอื่นต้องหลั่งเลือดและหยาดเหงื่อเป็นสิบปี สำหรับเขาแล้วมันง่ายดายดุจการหายใจ
และความง่ายดายนี้เองที่ได้กัดกร่อนเป้าหมายและแรงผลักดันในชีวิตของเขาจนหมดสิ้น มันได้หล่อหลอมอุปนิสัยที่ทำให้บิดาของเขา หลินเทียนหนาน ผู้นำตระกูลหลินต้องกุมขมับอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ความเกียจคร้านที่เข้ากระดูกดำ
สำหรับหลินเฟิง การทดสอบระดับมังกรหยกสวรรค์ที่ทุกคนต่างตื่นเต้นนั้น ไม่ต่างอะไรกับการถูกบังคับให้ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะที่น่าเบื่อหน่าย เขาไม่ได้ต้องการเกียรติยศ ไม่ได้ต้องการชื่อเสียง สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือการได้นอนเอกเขนกใต้ต้นหลิว อ่านตำนานพิสดาร และลิ้มรสอาหารอร่อยๆ อย่างสงบสุข
"เฟิงเอ๋อร์!" เสียงอันทรงอำนาจของหลินเทียนหนานดังขึ้นหน้าลานกว้างของคฤหาสน์ตระกูลหลิน "เจ้าต้องเดินทางแล้วนะ! นี่คือโอกาสสำคัญของเจ้าและตระกูล!"
หลินเฟิงที่ยืนพิงเสาต้นใหญ่อยู่ หาวออกมาหวอดใหญ่ "ท่านพ่อ ข้ารู้แล้วน่า ไม่เห็นจะต้องรีบร้อนเลย เดินทางช้าๆ ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ ก็ถึงเหมือนกัน ข้าว่าขบวนเดินทางของเรายังขาดรถม้าสำหรับนอนเล่นอีกสักคันนะ..."
หลินหลงที่ยืนตัวตรงในชุดเกราะฝึกซ้อมขมวดคิ้ว "พี่ใหญ่! ท่านช่วยจริงจังหน่อยได้หรือไม่! นี่คือหน้าตาของตระกูลเรานะ!"
"หน้าตาของตระกูลก็มีพวกเจ้าสามคนค้ำจุนอยู่แล้วไม่ใช่รึ? ข้าขอเป็นแค่เสาประดับสวยๆ ก็พอแล้ว" หลินเฟิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
การเดินทางสู่เมืองหลวงเทวะจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่เต็มใจนักสำหรับหลินเฟิง ขณะที่น้องๆ ของเขาเดินทางล่วงหน้าไปกับกองคาราวานหลักของตระกูลเพื่อเตรียมตัวฝึกซ้อม หลินเฟิงกลับขอเดินทางแยกต่างหาก โดยมีเพียงรถม้าหรูหราหนึ่งคันและสารถีชราหนึ่งคน เขาให้เหตุผลว่าต้องการ "ซึมซับบรรยากาศแห่งธรรมชาติเพื่อการบำเพ็ญเพียร" แต่ในความเป็นจริง เขาแค่อยากจะเดินทางอย่างสบายๆ แวะพักที่เมืองนั้นที เมืองนี้ที เพื่อลิ้มลองอาหารเลิศรสและหาเรื่องสนุกๆ ทำไปเรื่อยเปื่อย
สามวันหลังจากการเดินทางอันแสนเอื่อยเฉื่อย ในขณะที่รถม้ากำลังวิ่งช้าๆ ผ่านป่าเมเปิ้ลสีเพลิง หลินเฟิงกำลังนอนอ่านตำราเก่าๆ พลางเคี้ยวผลไม้อบแห้งอย่างสบายอารมณ์ ทันใดนั้นเอง...
[...ตรวจพบโฮสต์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด...]
เสียงที่เย็นชา ปราศจากอารมณ์ และดังสะท้อนขึ้นในห้วงความคิดของเขาโดยตรงทำให้หลินเฟิงชะงักงัน เขาขมวดคิ้ว วางตำราลงแล้วมองไปรอบๆ รถมา "ใคร?"
[...คุณสมบัติเข้ากันได้ 1,007%... เริ่มกระบวนการผนึกรวมวิญญาณ...]
[...10%... 50%... 100%... การผนึกรวมเสร็จสมบูรณ์...]
[ยินดีต้อนรับสู่ "ระบบทัณฑ์สวรรค์"]
หน้าต่างโปร่งแสงสีน้ำเงินเข้มปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินเฟิง ตัวอักษรสีขาวราวกับน้ำแข็งลอยเด่นอยู่บนนั้น มันเป็นภาพที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต และสัมผัสได้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่เคล็ดวิชามายาใดๆ
"ระบบทัณฑ์สวรรค์?" หลินเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาที่เคยเกียจคร้านฉายประกายแห่งความสนใจใคร่รู้ขึ้นมาวูบหนึ่ง "ชื่อฟังดูไม่เป็นมงคลเอาเสียเลยนะ เจ้าจะให้อะไรข้าล่ะ? เคล็ดวิชาระดับเทวะ? หรือจะชี้ทางไปหาสมบัติล้ำค่า?"
[ระบบนี้ไม่มอบรางวัล]
คำตอบที่เย็นชาและไร้เยื่อใยทำให้หลินเฟิงนิ่งไป "ไม่มีรางวัล? แล้วจะมีไปเพื่ออะไร? ระบบที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี"
[ระบบนี้มอบเพียง "ภารกิจ" ที่ถูกออกแบบมาเพื่อท้าทายขีดจำกัดสูงสุดของโฮสต์ และ "บทลงโทษ" สำหรับความล้มเหลวเท่านั้น]
รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าของหลินเฟิง นี่มัน...น่าสนใจกว่าที่คิดไว้
[ภารกิจแรกเริ่มต้น: "กลีบบุปผาแห่งอเวจี"]
[รายละเอียดภารกิจ: ละทิ้งเส้นทางสู่เมืองหลวงเทวะ และมุ่งหน้าไปยัง "ห้วงอเวจีอัฐิธาร" เขตแดนต้องห้ามทางทิศเหนือซึ่งเป็นสุสานโบราณของสงครามเทพ-มาร จงเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดและเก็บ "กลีบบุปผาอสูรกลืนวิญญาณเก้าอเวจี" มาหนึ่งกลีบ]
[อุปสรรค: บุปผาดังกล่าวได้รับการพิทักษ์โดย "ราชันย์อัฐิธาร" ตัวตนระดับจิตจักรพรรดิขั้นต้นที่ถือกำเนิดจากไอแค้นของสนามรบ]
[เวลาที่กำหนด: 7 วัน]
[บทลงโทษหากล้มเหลว: ผนึก "ความสามารถในการหยั่งรู้และความเข้าใจ" ของโฮสต์อย่างถาวร 80%]
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเฟิงแข็งค้าง...แล้วค่อยๆ เลือนหายไป
ความเกียจคร้านและขี้เล่นในแววตาของเขาถูกแทนที่ด้วยความเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งขั้วโลกในทันที
"ผนึกความสามารถในการหยั่งรู้... 80%?" เขาพึมพำเสียงเรียบ แต่ในใจกลับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
นี่ไม่ใช่บทลงโทษธรรมดา นี่คือการทำลายตัวตนของเขา! เหตุผลที่เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้านได้ก็เพราะเขามีพรสวรรค์ด้านความเข้าใจที่เหนือล้ำกว่าใคร ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ง่ายดายสำหรับเขา หากความสามารถนี้ถูกผนึกไปถึง 80% เขาก็จะไม่ต่างอะไรจากอัจฉริยะทั่วไปที่ต้องดิ้นรนและพยายามอย่างหนัก...ชีวิตแบบนั้น...สำหรับเขาแล้วมันคือนรกบนดินดีๆ นี่เอง
ชีวิตอันแสนน่าเบื่อแต่สุขสบายของราชันย์ขี้คร้าน...บัดนี้ได้จบสิ้นลงแล้ว
รีวิวผู้อ่าน
0 รีวิว
จัดเรียงตาม
อ่านบนแอปฯ Fictionlog
ดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อการอ่านที่ดียิ่งขึ้น