รายละเอียด
สองปี สามเดือนกับอีกสิบวันแล้วที่ผมรู้จักคนคนหนึ่งมา เขาน่ารักและดีกับผมมาก วันแรกเจอยังไงปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้น ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย จนกระทั่งอาทิตย์ที่ผ่านมา
เขาหายไป…
ผมโทรฯ.หา ฝ่ายนั้นบอกว่าเหนื่อยแล้ววางสายไป เขาไม่สะดวกคุยหรือเขาไม่อยากคุยกับผมแล้วนะ
ก่อนจะรู้ว่าผมเพ้อถึงใครมาฟังผมแนะนำตัวกันก่อน เดือนเด่น นามสกุลไม่ดังขอไม่แนะนำนะครับ ในวัยยี่สิบศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งคณะนิเทศศาสตร์สาขาศิลปะการแสดงใกล้จบปีสองเต็มที เพราะสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วรอเพียงผลที่อดหลับอดนอนติวกับเพื่อน แต่คิดว่าผลมันน่าจะออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน
ผมมีพี่ชายหนึ่งคนและน้องชายอีกหนึ่งคน เราทั้งสามไม่ใช่คนธรรมดาแต่ก็ไม่ได้พิเศษอะไรมาก แรกเกิดจนมีอายุถึงสิบแปดผมเป็นคนเต็มตัวโดยสมบูรณ์ แล้ววันหนึ่งจู่ ๆ สัญชาตญาณก็ออก
เรียกผมว่าลูกเสี้ยวหรือลูกผสมก็ได้ ไม่ใช่ว่าผู้ให้กำเนิดเป็นชาวต่างชาติหรอกนะ แม่เป็นแวมไพร์ที่มีความเป็นหมาป่านิด ๆ พ่อผมเป็นมนุษย์สุดหล่อที่ได้ใจแม่ไปเต็ม ๆ
หมาป่ากับแวมไพร์...
ตั้งแต่เด็กจนโตผมกับพี่ชายหาคำตอบให้กับตัวเองมาโดยตลอดว่าตัวตนที่แท้จริงของเราคืออะไรกันแน่
ครั้นอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์จู่ ๆ ก็รู้สึกกระหายหิวเลือดขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ก็คงถึงเวลาของมันอย่างที่พี่ชายของผมเคยบอกไว้นั่นแหละ
พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดพร่ำสอนพวกเราสามพี่น้องอยู่ตลอดว่าเมื่อสัญชาตญาณเกิดก็ให้ปฏิบัติตนอย่างเช่นมนุษย์ จะกิน นอนหรือทำงาน ต้องทำตัวให้ปกติเหมือนกับมนุษย์
ทั้งแม่และพ่อของผมเสียไปจากอุบัติเหตุรถสาธารณะพลิกคว่ำเมื่อเจ็ดปีก่อน
เวลานี้ผมในวัยยี่สิบปีอยู่สุขสบายดีไม่ลำบากเหมือนแต่ก่อน เพราะมีพี่จันทร์เจ้ากับพี่เขยดูแล น้องชายอีกคนชื่อตะวันอายุเพิ่งเต็มสิบสองปี แต่ตัวโตเป็นเด็กยักษ์เลย สัญชาตญาณของผมกับพี่จันทร์เจ้าออกคือมีเลือดแวมไพร์เช่นเดียวกัน นั่นก็คือมีความเป็นแวมไพร์สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
แวมไพร์ที่แทบจะไม่ใช่แวมไพร์แล้ว
ทว่าตอนนี้พี่จันทร์เจ้าของผมมีคนช่วยให้กลายเป็นคนเต็มตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนตะวันคงต้องรอครบสิบแปดก่อนถึงจะรู้ว่าน้องจะเป็นแวมไพร์เหมือนกับพวกเราหรือจะเป็นลูกเสี้ยวมนุษย์หมาป่า หรืออาจจะเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาก็เป็นได้
ชีวิตของพวกเรามันน่าลุ้นยิ่งกว่าในละครเสียอีก
ผมจะเล่าความเป็นไปเป็นมาของบรรพบุรุษของผมสองเผ่าพันธุ์นี้ที่เคยได้ยินพี่จันทร์เล่ามาให้ฟังกันก่อนแล้วกัน
คุณตาทวดของพวกเราคือแวมไพร์เต็มตัวร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่านได้พบรักกับโอเมก้าหนุ่มในป่าลึก ตาทวดแสนดีของผมเป็นบุคคลต้นแบบความดีงามในด้านความรัก ท่านปลิดชีพตัวเองตายตามคนรักไปเพราะคนรักของท่านให้กำเนิดลูกแล้วก็สิ้นใจไปเนื่องจากลูกน้อยในท้องมีพละกำลังมากมายจนร่างกายของโอเมก้าหนุ่มแหลกสลาย
คุณยายทวดของผมเป็นโอเมก้าที่อ่อนแอก็จริง ทว่ามีหัวใจที่แข็งแกร่ง เขายอมตายเพื่อให้ลูกได้มีชีวิต แวมไพร์น้อยครึ่งมนุษย์หมาป่า และนั่นก็คือคุณตาของผม จะดีกว่านี้ถ้าคุณตาไม่สืบสายพันธุ์ข้ามเผ่าพันธุ์
ท่านตกหลุมรักคุณยายคนสวยซึ่งเป็นมนุษย์เดินดินที่แสนจะธรรมดา ไม่นานก็ให้กำเนิดแม่บุหลันออกมา แม่ของผมเป็นแวมไพร์เลือดผสมหมาป่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ แม่มีอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์แต่ก็ไม่มากนัก ท่านไม่ยอมใช้มันเพราะอยากใช้ชีวิตให้คล้ายกับมนุษย์ แม่พบรักกับพ่อตุลย์ที่เป็นมนุษย์ธรรมดา แล้วก็นั่นแหละความรักของพ่อกับแม่ก่อให้เกิดผม พี่จันทร์และน้องตะวัน
ช่างเป็นมนุษย์แปลกประหลาด
แวมไพร์ผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป ในยุคกลาง เชื่อว่าเป็นผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง โดยที่แวมไพร์จะมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้แสงแดด แวมไพร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน
ข้อมูลเบื้องต้นเว็บไซต์ได้บอกไว้แบบนั้น
ใช่ครับ แวมไพร์หนุ่มอย่างผมมีหน้าตาเหมือนมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ฟันแหลมคมผมไม่มีเหมือนพี่จันทร์ หรือมันยังไม่ถึงเวลาออกอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ จะเป็นอมตะหรือเปล่าไม่รู้แต่ที่รู้ ๆ ออกไปสู้แสงแดดได้สบาย ๆ ส่วนการดื่มเลือดมนุษย์ ผมกับพี่จันทร์ไม่ดื่มเพราะแม่สั่งไว้ก่อนจะสิ้นลมว่าถ้าเลี่ยงสัญชาตญาณที่แท้จริงไม่ได้ให้ดื่มเลือดสัตว์แทน แม่กลัวว่าถ้าพวกผมดื่มเลือดมนุษย์เข้าไปแล้วมันจะทำให้ร่างกายยิ่งกลายเป็นมนุษย์เหนือมนุษย์ไปโดยปริยาย
แม่บุหลันอยากให้เผ่าพันธุ์สิบเปอร์เซ็นต์เสี้ยวแวมไพร์จบลงที่รุ่นของเรา ผมและพี่และน้องจึงถูกสั่งไม่ให้มีคู่ครองและทายาท ซึ่งพวกเราก็เห็นด้วยกับแม่
ผมที่ไม่ได้เกิดในต้นตระกูลผู้ร่ำรวย ผ่านความยากลำบากมามากแต่นั่นก็น้อยกว่าพี่ชายเยอะ รายนั้นต้องเหนื่อยมาก ๆ กับผมและน้องตะวัน
สามารถแปลงร่างได้หลายแบบ เช่น ค้างคาว, นกฮูก, หมาป่า, หมาจิ้งจอก, กบ, คางคก, แมลงเม่า, งูพิษ เป็นต้น สามารถกำบังกายหายตัวได้ ไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน รวมถึงสามารถบังคับสิ่งของให้เคลื่อนที่ด้วยอำนาจของตนได้ด้วย
พลังพิเศษทั้งหลายบลา ๆ ที่กล่าวช่างมหัศจรรย์เสียเหลือเกิน มีมันเต็ม ๆ แบบนั้นก็คงดีไม่น้อย ผมคงไม่อึดอัดแบบนี้
ความพิเศษของเสี้ยวแวมไพร์อย่างพี่จันทร์เจ้ามีคือ…เมื่อตาสีดำแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูประกายวาววับ จะสามารถสะกดจิตและลบความจำของผู้คนได้เท่าที่ใจต้องการ แต่พี่จันทร์ก็ไม่อยากใช้มันสักเท่าไหร่หรอก จะใช้เมื่อยามจำเป็นเท่านั้น เพราะความอยากเป็นคนธรรมดา
ผมกับพี่ชายมีความเป็นแวมไพร์สิบเปอร์เซ็นต์ พี่จันทร์เจ้าขาของพี่เขยราเชนทร์มีดวงตาสีชมพู ผมเองก็สีเดียวกัน แต่ต่างกันตรงพลังพิเศษที่ได้จากสายเลือดมันคนละอย่างกัน
พี่ของผมสามารถใช้ดวงตาสีชมพูสะกดจิตลบความจำของคนได้ มันน่าทึ่งใช่มั้ยล่ะ ผมเองก็ทำได้นะ ได้เฉพาะเด็กเท่านั้นแหละ ทำได้เฉพาะกับคนที่มีจิตอ่อนแอซึ่งลองแกล้งเล่นมายากลกับเพื่อนหลายคนแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ครั้นทำเด็กสี่ห้าขวบกลับทำได้เสียอย่างนั้น ชักเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองมีพลังลบความจำใครได้หรือเปล่า
แต่ที่แน่ ๆ สัมผัสแล้วรับรู้ความรู้สึกแจ่มชัดมาก ผมสามารถรู้ถึงความรู้สึกใคร ๆ ได้ เมื่อเอามือไปแตะที่ร่างกายของคนนั้น แต่ไม่อยากทำหรอก มันปวดจิตน่ะ แบบปวดหัวตุ๊บ ๆ เลยล่ะ มีครั้งนึงปลอบใจเพื่อนที่โดนแม่สั่งให้เลิกกับแฟน ผมเห็นใจและสงสารเพื่อนมากจนเผลอแตะตัวของมัน พอรับรู้เข้าไปเต็ม ๆ ก็เกิดเศร้าใจไปกับมัน อารมณ์ดิ่งไปหลายวันเลย
น่าปวดหัวมั้ยล่ะ ผมจึงเลี่ยงกันถูกเนื้อต้องตัวใคร ๆ ทั้งที่ไม่รู้จักและรู้จักก็ด้วย
การเป็นเสี้ยวแวมไพร์ของผมเห็นทีจะมีดีชัดเจนอยู่สามอย่าง
หนึ่งคือผมมีแรงมากเท่ากับผู้ชายยี่สิบคน มีเหมือนกับพี่จันทร์ สองปีมานี่ที่ผมเปลี่ยนการกินได้ดื่มเลือดสัตว์ก็ไม่เคยมีอาการเหนื่อยหอบเลยแม้สักครั้ง เหงื่อสักหยดก็ไม่มีออกให้เห็น
ข้อที่สองคือผมมีร่างกายแข็งแรงไม่มีอาการเจ็บป่วยหรือถ้าบาดเจ็บและมีบาดแผลตามตัวก็สามารถรักษาให้หายเองได้ ผิวพรรณจึงดูนวลเนียนผิดมนุษย์มนาชาวบ้านชาวช่องเขา
สามคือการกิน... เลือด200ml หนึ่งกล่องต่อวันก็เพียงพอ ไม่ต้องยุ่งยากใช้ช้อนตักอาหารเข้าปาก เพียงแค่ดื่มเลือดสัตว์ที่ฟรีสไว้ในตู้เย็นก็อิ่มท้องไปทั้งวันแล้ว
“เฮ้อ~” รอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ผมพ่นลมออกปาก บ้างก็ออกจากจมูก หากลมหายใจผีดิบอย่างผมเป็นก๊าซพิษ โลกใบนี้คงเกิดภัยพิบัติไปแล้ว
“ถามจริง เป็นอะไร นั่งหน้าบูดเป็นตูดลิงเลย”
“เซ็ง!…พี่หมอซินหายไปเลยว่ะ”
“ยุ่งงานมากมั้ง”
“เขา… ไม่คิดถึงกูบ้างหรือยังไง”
“เป็นอะไรกับเขาก่อน ทำไมต้องให้เขาคิดถึงมึงตลอดเวลาด้วย”
“น้องไง น้องก็คิดถึงตลอดเวลาได้”
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ ว่ามึง…คิดเกินกว่านั้น”
“แสนรู้จัด ไอ้สัส!”
คนข้างกายที่ต่อปากต่อคำอยู่นี้มีชื่อว่าแดช มันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผมมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง
ด้วยความที่ผมมีฐานะยากจนจึงถูกเพื่อนบูลลี่ และโดนแอนตี้มากหน่อย ไอ้แดชเป็นเพื่อนคนเดียวที่สอนให้ผม No แคร์ No สน ถึงผมไม่มีฐานะดี ไม่มีหน้าตาทางสังคม แต่รูปร่างหน้าตาก็จัดว่าดี เรียนเก่ง (ก็แค่ตั้งใจทำ) บวกกับความหยิ่งไม่สนโลกด้วยมั้งจึงทำให้ทุกวันนี้กลายเป็นที่รู้จัก
ผมมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะเท่านั้นยังไม่พอก้าวขั้นเป็นถึงเดือนมหา’ ลัยไปอีก ผลพลอยได้วันนี้คือเป็นเน็ตไอดอลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงโพสต์บอกโลกโซเชียลว่า ‘หิว’ (คำว่าเลือดเก็บไว้ในใจ) คำเดียวยอดกดไลค์ก็หลักหมื่นภายในหนึ่งชั่วโมงแล้ว คอมเมนต์ส่วนใหญ่ชวนผมไปกินด้วยกัน อ่านแล้วก็ฮาดี ถ้าได้ไปจริงทุกคนจะขยาดกับการกินกับผม
เมื่อสองปีก่อนผมกับพี่จันทร์เจ้าคิดที่จะไปดูดพลังชีวิตของมนุษย์ในคืนวันเพ็ญแทนการกินเลือดมนุษย์ แต่หลังจากที่รู้แน่ชัดแล้วว่ามีสัมผัสรับรู้ ผมก็หยุดความคิดนั้นแล้วหันมาดื่มเลือดสัตว์ตามยถากรรมไปนี่แหละดีแล้ว...
...
ฝาก👍ให้ด้วยนะคะ
อย่าลืมเก็บนิยายเข้าชั้นกันนะคะ
💥กดติดตาม💥
รีวิวผู้อ่าน
1 รีวิว
จัดเรียงตาม
อ่านบนแอปฯ Fictionlog
ดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อการอ่านที่ดียิ่งขึ้น