image cover
ใต้ปีกรักประมุขมาร 2 เล่ม(จบ)
เมื่อเจติยาด็อกเตอร์สาวเกิดอุบัติเหตุทำให้วิญญาณมาเข้าร่างเด็กน้อยอายุสิบขวบที่ถูกขอทานด้วยกันรุมทำร้ายจนตายแต่สำคัญเป็นร่างของเด็กในอีกมิติของจีนโบราณที่แสนจะอยากจน ยังต้องรบกับมารเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์
ยอดวิว
75
จำนวนตอน
9
ความคิดเห็น
0

รายละเอียด

ด็อกเตอร์แพทย์หญิง เจติยา แซ่เจียง อายุ 29 ปี หรือที่ป๊าม่าเรียกเธอว่าอาเฟย ลูกครึ่งไทยจีน มีพี่ชายหนึ่งคน ชื่อชานนท์ ป๊าเป็นเจ้าของโรงพยาบาล ครอบครัวเธอเป็นหมอทุกคน แม้แต่ม่าเองก็เป็นหมอเมื่อครั้งพบรักกับป๊า หลังจากเลิกงาน เพื่อนๆก็โทรฯมาตามให้ไปงานเลี้ยงรุ่น ในฐานะอดีตดาวมหาลัย ซ้ำยังต้องร่วมแสดงละครเวที เรื่อง มโนรา (กินรี)ให้เป็นที่ประจักษ์ แก่สายตารุ่นน้อง และอาจารย์ที่รักยิ่งอีกด้วย

“ด็อก แกจะชมโฉมตัวเองอีกนานไหม” เสียงมิราเพื่อนสนิทตั้งแต่เริ่มเรียน ม.ต้น แต่เพื่อนเรียนแค่จบตรี ไม่เรียนจนหัวโต แล้วให้คนอื่นเรียกด็อกอย่างเธอ

“มิราฉันต้องโหนสลิงจริงๆหรอแก”

 เจติยาที่นั่งอยู่หน้ากระจกถามเพื่อนอีกครั้ง มันเหมือนมีเรื่องให้ค้างคาใจ

“ก็ใช่นะสิ อย่าบอกนะว่า เกิดกลัวขึ้นมานะด็อก สมัยเรียนฉันเห็นแกโหนจนนับครั้งไม่ถ้วน ทุกวันนี้แกยังครองตำแหน่งยูโดสายดำ เกิดมาปอดแหกอะไรวันนี้ ปีกก็ติดแล้ว แต่งองค์ทรงเครื่องก็งดงามพร้อมร่อนลงสระอโนดาตพร้อมความสวยที่คงทน” มิรากำหมัดไฟท์ติ้ง

“มันรู้สึกใจหายแปลกๆยังไงก็ไม่รู้มิรา ฉันขอโทรฯหาเฮียหน่อยละกันไม่รู้ออกจากห้องผ่าตัดหรือยัง” มิราพยักหน้า เดินไปจิบกาแฟรอ ปล่อยให้เพื่อนคุยโทรศัพท์เพราะยังไงก็ยังพอมีเวลาเหลือ

“ฮัลโหลเฮียเสร็จงานหรือยังคุยได้ไหมคะ”

“เฮียว่าง เฟยมีอะไรหรือเปล่า ไหนบอกว่าไปเลี้ยงรุ่นไงเรา ทำไมเสียงฟังไม่ค่อยดีไม่สบายหรือเปล่า บอกพี่ได้นะ” 

“ก็เลี้ยงอยู่นี่ไงเฮีย คนมันคิดถึงเลยโทรฯหาไม่ได้หรือไงเล่า” เจติยาพอได้ยินเสียงพี่ชาย เธอกลับรู้สึกอยากแต่จะร้องไห้ยังไงก็ไม่รู้

“เป็นอะไรเฟยทำไมพูดแปลกๆไม่สบายหรือเปล่า ให้เฮียไปรับกลับบ้านไหม” ชานนท์ย้ำถามน้องสาวอีกครั้งเจติยาไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่วันนี้น้องสาวเขาคล้ายจะมีอะไรผิดแปลกไป

“เฟยรักเฮียนะ รักป๊าม่าด้วย เฟยฝากเฮียดูแลป๊าม่าแทนเฟยด้วยนะ” เจติยาก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอพูดแบบนั้นออกไป แต่มันเป็นคำที่เธออยากพูดที่สุดในเวลานี้

“อาเฟยทำไมต้องฝาก มันเป็นหน้าที่พี่อยู่แล้ว อีกอย่างเดี๋ยวเฟยก็กลับบ้าน ไม่ได้จะไปไหนซะหน่อย มีอะไรหรือเปล่าเฮียเริ่มไม่สบายใจแล้วนะทำไมวันนี้เฟยพูดจาแปลกๆพิกล”

“ก็ไม่ได้มีอะไร เฟยรักเฮียนะ เฮียถึงบ้านก่อนเฟยฝากจุ๊บแก้มป่าป๊า มาม่าให้เฟยด้วย เดี๋ยวกินข้าวฟรีเสร็จจะกลับไปหอมเองอีกทีแค่นี้นะเฮีย เฟยจะร่วมแสดงละครเวทีกับเพื่อนบายรักเฮียนะจุ๊บ!”

“เฮียก็รักเฟย ป๊าม่าก็รักเฟย ดูแลตัวเองด้วย เฮียจะรอเรากลับบ้านนะ”

“อย่ารอเลยเฮียนอนเถอะ กว่างานจะเลิกก็ดึก เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานคนไข้จะตกใจนึกว่าหมีแพนด้าบุกโรงพยาบาล บายๆ”

ตึดๆ เสียงสัญญาณตัดไปแล้ว แต่ชานนท์ยังคงนั่งมอง โทรศัพท์ในมือ ด้วยหัวใจหน่วงหนัก เหมือนเขากำลังจะเสียของรักบางอย่างไป

“สแตนบายด็อก ชุดพร้อมหน้าปัง สู้ๆ” มิรามองหน้าเพื่อนอีกครั้ง เสียงเพื่อนคุยกับเฮียนนท์เธอได้ยินทุกอย่างมันทำให้เธอใจหายแปลกๆเหมือนกัน

“ด็อกฉันรักแกนะ” มิรายิ้มให้เจติยา ซึ่งเจติยาเองก็ยิ้มให้เพื่อนไม่ต่างกัน

“ฉันก็รักแกมิรา แกจะเป็นเพื่อนรักของฉันตลอดไป”

นั้นคือคำพูดสุดท้ายของเจติยา เมื่อช่างผู้ควบคุมเวทีได้ตรวจสอบความเรียบร้อยของสลิงให้พร้อมใช้งานและปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่ดนตรีประกอบเรื่อง นางมโนรา จะดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง ตัวของเธอก็ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆตามแรงดึงของเครื่องลวดสลิง เจติยากางแขนสยายปีกสีขาวให้กว้างในองศาที่ให้ภาพออกมาสวยที่สุด จนสลิงหยุดตัวลงในจุดที่สูงที่สุด พร้อมให้เธอเหินกายลงเล่นน้ำในสระอโนดาตจำลอง แต่ขณะที่สลิงพาเธอเลื่อนลงอย่างสวยงาม ตามท้องเรื่อง รางลูกเลื่อนที่ม้วนเส้นสลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อภาพที่ควรจะเคลื่อนตัวช้าๆกลับวิ่งดิ่งลงด้วยความเร็ว เหมือนกับว่ามีคนปล่อยสลิงหรือไม่ก็ตัวล็อกพัง ความรู้สึกของเธอคือตกใจ หูได้ยินเสียงกรีดร้องของคนมากมายแข่งกับเสียงดนตรี พร้อมกับความเจ็บร้าวไปทั่วทั้งตัวก่อนที่ความมืดจะเข้ามาแทนความเจ็บปวดทั้งหลายให้หายไปพร้อมกับความว่างเปล่า ในสำนึกสุดท้ายของเจติยา แม้ความเจ็บปวดจะมากล้นจนสุดจะทน แต่ลึกๆแล้วเธอคิดถึงพ่อแม่และพี่ชายของเธอที่สุด

‘เฟยรักป๊า ม่า และเฮียนะ เฟยคงกลับบ้านไม่ได้แล้ว เฟย ไม่อยู่ทุกคนดูแลตัวเองด้วย ลาก่อนเฟยจะคิดถึงทุกคนแน่นอน ตอนนี้เฟยเจ็บจัง ขอเฟยหลับก่อนนะ เฟยรักทุกคนนะคะ’

ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่เจติยาจะตื่นขึ้นมาพบกับทุ่งหญ้าเขียวขจี ท้องฟ้ากว้างใหญ่ สายลมที่พัดพาเอาดอกหญ้าลอยกระจายตามสายลม จนเกิดภาพที่สวยอย่างที่เจติยาไม่เคยเห็นมันมาก่อน

“ป๊าม่าอาเฮียมิราทุกคนอยู่ที่นี่หรือเปล่า ที่นี่มันที่ไหนกัน หรือว่าเฟยกำลังฝัน” เจติยาฟังเสียงของตัวเองที่สะท้อนดังกลางทุ่งหญ้า ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดดำ เธอเห็นก้อนเมฆกำลังรวมตัวกันเป็นหน้ากากนักร้อง เดอะแมสซิงเกิล

“ยินดีที่ได้เจอเจติยา ข้าหาใช่เดอะแมสอะไรของเจ้า”

“คุณคือผี..ฉันไม่เคยกลัวผีเผื่อคุณไม่รู้” เจติยาเธอไม่กลัวผี มีหมอที่ไหนกลัวผี คิดแล้วอยากจะหัวเราะ แต่กลัวตีนกาขึ้นเจติยาคิดอย่างขำๆ

“เจติยาข้าหาใช่วิญญาณหรือภูตผีข้าคือเทพแห่งความตาย ที่ถูกส่งตัวมาให้จัดการเรื่องของเจ้าให้กลับไปอยู่ในที่ ที่สมควรอยู่ตั้งแต่ต้น เจ้าพร้อมหรือยังข้าจะได้ส่งเจ้าไปเข้าร่างให้มันจบๆไป”

“หือ.เมื่อกี้นี้ท่านพูดว่าหนูจะได้กลับไปหาครอบครัวเหรอคะท่านเทพ”

“หาใช่ไม่ ร่างเดิมของเจ้าหมดอายุขัยแล้ว จะกลับไปได้อย่างไรจงทำใจซะเถอะเจติยา”

“แล้วท่านเทพจะส่งหนูไปที่ไหน ที่นั่นเป็นยังไง ผู้คนเขากินอยู่ยังไงละคะ บอกหนูให้รู้หน่อยได้ไหมคะท่านเทพ” ใครจะไป อะไรก็ไม่รู้สักอย่าง เสียชื่อดอกเตอร์เจติยาหมด เรียนมาจนหัวโตไม่ได้พกแต่ความโง่มานะคะ

“เออเจ้าเก่งเจ้าฉลาด ข้ารู้องค์เง็กเซียนก็รู้”

“ท่านได้ยินความคิดหนูหรอคะ โฮ้! ขี้โกงนิ ว่าแต่คำตอบละคะท่านเทพเดอะแมส”

“โฮเสียงสูงถึงเพียงนั้น ข้าหาใช่เพื่อนเล่นเจ้าเจติยา ที่ ที่เจ้าต้องไปเกิด น่าจะเรียกว่าโลกคู่ขนาน ที่นั่นคนเก่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดปลอดภัย มนุษย์พวกนั้น ล้วนมีพลังธาตุ ปราณ วิทยายุทธ์ ของวิเศษอีกมากมาย รวมถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในพันธะอีก ที่เหลือเจ้าก็ไปดูเอาเองเถิดเจติยา”

“เหมือนในนิยายจีนหรือเปล่าคะ”

“คงใช่กระมัง” เทพแห่งความตายล้วนหยั่งรู้

“ถ้าอย่างนั้นหนูก็ขอพรได้นะสิคะ เหมือนในนิยายที่หนูเคยอ่านตอนสมัยวัยรุ่นนะคะ”

“ไม่มี! อย่าเรื่องมากไปได้แล้วเจติยา จะได้เวลาแล้ว” เจ้าเล่ห์นักเด็กคนนี้

“ไม่มีไม่ไป ถ้าหนูไปตัวเปล่าได้ตายตั้งแต่วันแรกแน่ๆเลย”

 “อุบ๊ะ! เรื่องมากจริงให้หนึ่งข้อรีบขอมา”

“ห้าข้อ” เจติยายืนยันด้วยการชูมือกางนิ้วทั้งห้าขึ้น

“สองข้อก็พอแล้วอย่าเรื่องมาก” ท่านเทพเริ่มจะหน้าดำยิ่งกว่าที่เป็น เพราะเริ่มรู้สึกว่ากำลังถูกขูดรีดจากวิญญาณต่างโลก

“สามข้อขาดตัวไม่ได้ไม่ไป อยู่ที่นี่ก็ได้สวยดีหนูชอบชอบ”    “สามก็สามปล้นกันเห็นๆ เจ้าเล่ห์นักนะเจติยา รีบขอมาใกล้จะหมดเวลาแล้ว”

“ขอมีพลังทุกอย่างและต้องเก่งทุกอย่างด้วยนะคะ ขอเรียนรู้และจดจำทุกอย่างได้ดีเพียงแค่ผ่านตา

สุดท้ายขอความทรงจำเดิมคงอยู่ อย่าลืมแถมธาตุมิติที่มีสมุนไพรทุกอย่าง ขอสระน้ำไว้อาบส่วนตัวด้วยนะคะ เอาแบบว่าอาบแล้วสวยนะคะหนูอยากสวย”

“ข้าไม่แถมเพราะมันรวมอยู่ในข้อแรกแล้ว เก่งทุกอย่างของเจ้านะ ไม่มีใครที่อยู่ๆก็เก่งหรอกนะเจติยาเจ้าต้องไปฝึกเอาเองทุกอย่างที่เจ้าขอ เอาละไปได้”

“ว้าย!ตายแล้ว กรี๊ด!” ลมพายุหมุนเอาร่างของเจติยาหมุนเป็นเกรียวก่อนที่มันจะดูดเอาร่างของเธอร่วงลงสู่ความหนาวเย็นที่มาพร้อมความเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย พร้อมกับความทรงจำของใครบางคนวิ่งเข้าสู่จิตสำนึกทุกอย่างที่เธอพอจะรับรู้ความทุกข์ความเสียใจความหิวโหยความหนาวเหน็บของอันหนิงเฟย

“ฮื่อๆพี่ใหญ่ท่านตื่นสิ พี่ใหญ่อย่าทิ้งข้าไปอีกคนนะขอรับ..พี่ใหญ่”

‘เสียงเด็กผู้ชายที่ไหนมาร้องเสียงดังคนจะนอน ยิ่งปวดหัวอยู่ด้วย’ เจติยาที่กำลังปวดหัวเพราะรับเอาความทรงจำของอันหนิงเฟยมาเต็มๆ ต้องกลับมาปวดหัวและเจ็บตามตัวเพราะถูกใครบางคนเขย่าตัวเธอไม่ยอมหยุด พร้อมกับเสียงร้องไห้ที่เริ่มจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนเธอต้องลืมตาขึ้นมองอย่างอดไม่ได้ จึงได้เห็นใบหน้าเล็กๆของเด็กผู้ชายตัวผอมบางเหมือนเด็กขาดสารอาหาร ในความทรงจำเด็กคนนี้ชื่อ อันเฉิงเปา

“เสี่ยวเปาท่านแม่ไปไหนทำไมเจ้ามานั่งร้องไห้อยู่ที่นี่”  เจติยาถามออกไปเมื่อเรียบเรียงความทรงจำทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่คำตอบที่เธอได้รับ ทำให้เธอด่าฝากลมไปหาท่านเทพแห่งความตายไม่ได้

“ส่งมาเกิดใหม่ทั้งที  ทำไมส่งมาลำบาก อดอยากขนาดนี้ พ่อแม่ตายหมดทิ้งน้องชายไว้ให้เลี้ยง ข้าวจะกรอกหม้อสักเม็ดก็ไม่มี หนูขอให้ไม่มีใครเซ่นไหว้ท่านขอให้ท่านอดอยากอย่างที่หนูเป็น เซอะ!”

“เสียใจด้วยข้าเป็นเทพข้าอิ่มทิพย์ อีกอย่างเจ้าหาได้ถามข้าไม่ ว่าจะส่งไปสุขสบายหรือส่งไปลำบากหาใช่ความผิดข้า อีกอย่างมันเป็นลิขิตฟ้าชะตาต้องเป็นไป อ้อข้าลืมบอกไปอาภรณ์ที่เจ้าใส่มา กับภาพที่แผ่นหลังและที่นิ้วมือของเจ้าข้าแถมให้ ลาก่อนเจติยาหมดหน้าที่ข้าแล้ว”

 เสียงท่านเทพห่างไปเรื่อยๆ พร้อมกับความเครียดของ   เจติยา ที่ต้องฝืนร่างกายที่เจ็บปวด ช่วยกันกับน้องชายฝังศพมารดา ตามมีตามเกิด ไว้ที่ข้างวัดร้างที่เจ้าของร่างใช้เป็นที่อยู่อาศัย

 มารดาผู้แสนดีปกป้องบุตรของตัวเองจนวินาทีสุดท้าย หารู้ไม่ว่าบุตรสาวที่ตัวเองปกป้องนั้นก็ได้จากไปมิต่างกัน

ข้าสัญญาว่าจะดูแลเสี่ยวเปาให้ดีที่สุด ขอให้ทั้งสามอย่าได้ห่วง ส่วนคนที่มันทำกับพวกท่านข้าจะให้มันได้ชดใช้อย่างสาสม ขอเวลาข้าอีกนิด ตอนนี้คงต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องข้าและเสี่ยวเปาก่อนละนะ

 

อันหนิงเฟย อายุ พึ่ง 11 ขวบ ต้องดูแล เสี่ยวเปา เด็กน้อยที่มีอายุเพียง 9 ขวบ ซ้ำยังขาดสารอาหารจนลำตัวแคระแกน

ส่วนพี่สาวรึก็ไม่ต่างกัน เสื้อผ้าเก่าจนหาสีเดิมไม่เจอ มีรอยขาดปะชุนไปทั้งตัว เดิมที ตระกูลอัน เป็นตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวย แต่ อันชุนเหอ หรือก็คือบิดาของสองพี่น้อง ถูกฆ่าตายในระหว่างที่ไปส่งสิ้นค้าต่างเมือง ทางการสรุปสาเหตุที่เกิดขึ้นว่าเป็นการปล้นฆ่าของโจรป่าเพื่อแย่งชิงของมีค่าในขบวน

 ร้ายกว่านั้นเมื่อผู้นำตระกูลอย่าง อันชุนเหอเสียชีวิต น้องชายต่างมารดา อย่างอันตงฉี ซึ่งเป็นตระกูลอันสายรอง

 ได้พาฮูหยินของตน อย่างจูเจียวเหม่ย เข้ามาให้การช่วยเหลือพี่สะใภ้และหลานทั้งสอง ที่กำลังเสียใจกับการจากไปของพี่ชายตน ที่มาด่วนจากไปอย่างกะทันหัน น้องสะใภ้อย่างจูเจียวเหม่ย อาสาช่วยดูแลทุกอย่างในจวนแทนมารดาของนางซึ่งยังคงทุกข์ใจเรื่องของสามีที่จากไปไม่สร่างซา

ซ้ำด้วยอุปนิสัยเป็นคนจิตใจดี ไม่ว่าน้องชายสามีจะว่ากล่าวอย่างไรก็หาได้มีปากมีเสียง จนกระทั่งถูกน้องชายสามีไล่แห่หลังจากที่ยึดทุกอย่างไปเป็นของตนเองได้เป็นผลสำเร็จ

 อี้หงฮัวเองก็ไม่อาจมองลูกๆของนางถูกรังแกได้ จึงต้องหอบลูกทั้งสองมาอาศัยวัดร้างเป็นที่อาศัย 

สามแม่ลูกไม่มีแม้ตำลึงซักอีแปะเดียวติดกาย จึงได้แต่ขอทานผู้อื่นกินไปวันๆ อี้หงฮัวเคยไปของานทำหลายแห่ง แต่ก็ไม่มีผู้ใดรับนางเข้าทำงาน เพียงคนเหล่านั้นเห็นสภาพดุจดั่งขอทานก็ไม่มีผู้ใดอยากจะเสวนาด้วยแล้ว  ทั้งผู้เป็นมารดายังทิ้งบุตรไว้เพียงลำพังไม่ได้

ในยามนั้นอันหนิงเฟย พึ่งเก้าขวบ น้องชายเจ็ดขวบซ้ำยังถูกเลี้ยงดูมาเยี่ยงคุณหนูคุณชายไหนเลยจะดูแลกันเองได้ถ้าขาดมารดาคอยอุ้มชู

 ผ่านมาแรมปีร่างกายที่ขาดอาหารจึงได้ผอมแคระแกนทั้งพี่ทั้งน้อง ยิ่งมารดาที่ต้องอดเพื่อให้ลูกอิ่ม ไม่ต้องถามหาความงามที่เคยมี

 จนกระทั่งวันหนึ่งอันหนิงเฟยทนเห็นมารดาที่กำลังเจ็บป่วยไม่ไหว แอบหนีออกไปขอทานเพียงลำพังถูกขอทานเจ้าถิ่นทำร้าย จนผู้เป็นมารดาตามไปเจอ ได้เข้าช่วยเหลือ โอบกอดลูกน้อยไว้แนบอก เอาร่างตัวเองเป็นกำบังให้ลูกไม่ให้เจ็บปวด แต่ตนกลับเอาร่างผอมแห้งรองรับการทำร้ายทุบตีทุกอย่างจนสิ้นใจ

โดยไม่รู้เลยว่าบุตรสาวนั้นได้สิ้นใจในอ้อมกอดมารดามิต่างกัน ทิ้งไว้เพียงเด็กน้อยที่นั่งคอยมองทางว่าเมื่อไหร่มารดาและพี่สาวจะกลับมา จนกระทั่งเหล่าขอทานที่ได้อาศัยวัดร้างด้วยกันช่วยนำร่างที่ไร้วิญญาณมาส่งให้อันเฉิงเปาเด็กน้อยที่เฝ้ารอการกลับมาของมารดาและผู้เป็นพี่สาว

เจติยาจึงได้ตื่นมาเห็นเฉิงเปานั่งร่ำไห้อยู่ข้างกายในยามที่ท่านเทพแห่งความตายเตะโด่งเธอลงมาเข้าร่างอันหนิงเฟย

*** โหลดอีบุ๊คได้แล้วนะคะ ตอนนี้ที่ เวปแมพ มีโปรโมชั่น เล่ม 2 สำหรับ 7 วันแรก แวะไปตำกันได้นะคะ..ขอบคุณค่ะ



...อ่านเพิ่มเติม

รีวิวผู้อ่าน

0 รีวิว
จัดเรียงตาม
    
กำลังโหลด...
qr-app

อ่านบนแอปฯ Fictionlog

ดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อการอ่านที่ดียิ่งขึ้น

สารบัญ

9 ตอน
เพิ่มตอนล่าสุด 11 ก.ย. 2021
กำลังโหลด...

เผยแพร่โดย

5
เรื่อง
54
ผู้ติดตาม