รายละเอียด
โฉมงามกับเจ้าชายอสูร รักนิรันดร์
กาลละครั้งหนึ่งเนินนานมาแล้ว นานซะจนจำไม่ได้ งั้นมาผมจะเล่าในแบบของผมให้ฟังเอง
อดีตพ่อค้าผู้เคยร่ำรวย เขาเคยมีคฤหาสน์หลังโต คนใช้มากมาย และมีความสุขกับครอบครัวของเขา แต่แล้ววันที่ทำให้ชีวิตพลิกกลับก็มาถึง เมื่อเรือสินค้าของตนถูกโจรสลัดปล้น แล้วเรื่องร้ายต่างๆ มากมายก็เข้ามาในชีวิต จนต้องทิ้งคฤหาสน์และทุกอย่างไว้เบื่องหลัง มาใช้ชีวิตในชนบท กับลูกสาวทั้งสามคน
ชีวิตนั้นเริ่มลำบากขึ้นทุกวัน แต่เขาก็ไม่เคยท้อถอย พยายามสร้างทุกอย่างใหม่อีกครั้ง โดยมีลูกสาวคนเล็กคอยช่วยเหลือตน ซึ่งต่างจากลูกสาวคนโตทั้งสองคนที่ทั้งใช้ของฟุ่มเฟือย เกียจคร้านเอาแต่พลานเงินที่ผู้เป็นพ่อหามาได้
เขาทนทุกข์ยากมาแสนนาน จนกระทั้งเขาได้รับข่าวดีจากเพื่อนที่เป็นทหารรักษาการของเมืองหลวงว่า สามารถยึดเรือสินค้าจำนวนมากจากโจรสลัดได้ เขาหวังว่าในเรือพวกนั้นคงมีของเขาบ้างก็ยังดี จึงได้ออกเดินทางไปเมืองหลวง ก่อนไปเหล่าลูกสาวๆ ได้บอกความต้องการของตน ลูกคนโตทั้งสองนั้นต้องการชุดหรูหราและเครื่องประดับเพชรพลอย ต่างจากลูกสาวคนเล็ก ที่อยากได้เพียงดอกไม้ หรือเมล็ดดอกไม้มาปลูกเท่านั้น
ความตั้งใจของผู้เป็นพ่อเต็มเปี่ยม มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงอย่างเร็ว แต่เมื่อมาถึงแล้วตรวจสอบเรือสินค้านั้นดู ตนก็ต้องเข่าทรุด เพราะเรือสินค้าที่ตนเคยส่งออกไปนั้น ไม่เหลืออะไรให้เขาเลย เหลือเพียงแค่แจกันเก่าๆ พุพังและทรุดโทรม และของที่ดูแล้วไม่มีราคาเลย สุดท้ายเขาจึงต้องนำของพวกนั้นไปขายเพื่อแลกเศษเงิน
เขายังพอมีเงินติดตัวมาบ้าง จึงนำเงินเหล่านั้นไปซื้อของเล็กๆ น้อยๆ และเมล็ดดอกไม้ แล้วก็กลับบ้าน ไปหาลูกๆ ที่กำลังรอ ถึงมันจะน่าเจ็บใจ แต่เขาก็หวังว่าสักวันเรื่องดีๆ จะมาถึงพวกเขาเร็วๆ
ระหว่างทางนั้นเกิดเรื่องขึ้น เพราะจู่ๆ ฟ้าก็มืดครึ้มแล้วฟ้าก็ผ่าลงมาต่อหน้าเขา จนม้าแตกตื่นแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป เขาพยายามวิ่งตามไป เพราะกระเป๋าของสำคัญอยู่ที่อานม้า เขาวิ่งไปสักพักม้าที่วิ่งหนีก็หยุดลง แล้ววิ่งกลับมาหาเขา ด้วยความสั่นกลัว เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือ
คฤหาสน์หลังเก่าแก่ ที่เก่าทรุดโทรมและปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ รวมกับบรรยากาศที่ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วฝนกำลังตก ทำให้ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก และชาวบ้านที่อยู่รอบๆ นี้ ว่ากันว่าที่นี่มีอสูรอาศัยอยู่ อสูรขนาดใหญ่น่าเกลียดน่ากลัว
เขารวบรวมความกล้าเดินเข้าไปในนั้น เพราะต้องการที่หยุดพัก เพราะการเดินทางท่ามกลางสายฝนแบบนี้ มีผลเสียมากเกินไป แถมตัวเขาหลังจากตกม้าแล้ววิ่งตามมา ก็ได้บาดแผลเล็กน้อย แล้วก็เหนื่อยล้ามากอีกด้วย จึงอยากที่จะพักผ่อนเอาแรง
เมื่อเขาเข้าไปในคฤหาสน์นั้น ก็พบกับของประดับตกแต่งมากมาย ถึงมันดูจะสกปรกและเปื้อนฝุ่นจนดูเหมือนไม่มีราคา แต่ด้วยสายตาอันแหลมคมของพ่อค้าเก่าอย่างเขา ถ้านำพวกมาทำความสะอาดสักหน่อย อาจจะกลายเป็นของมีราคาสูงพอที่จะทำให้ตนและลูกๆ กลับมาใช้ชีวิตสุขสบายอย่างแต่ก่อนแน่นอน
แต่เขาเลือกที่จะเมินมัน เพราะสำหรับเขาแล้วการที่นำของคนอื่นมาเป็นของตน มักจะจบไม่สวยทุกครั้ง เพราะเคยประสบปัญหาพวกนั้นมาแล้ว ประสบกับการที่ต้องเสียหลายๆ อย่างไป เมื่อทำในสิ่งที่ไม่ควรลงไป
เขาข่มตาลงนอน แล้วภาวนาว่าวันพรุ่งนี้จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับเขาบ้าง...
ในช่วงเวลาที่อดีตพ่อค้าเก่าหลับไหลในห้วงนิทรานั้น ได้มีสายตาสีแดงสดดุจสัตว์ร้ายเฝ้ามองอยู่ สายตาคู่นั้นได้เฝ้ามองชายผู้นั้นตั้งแต่ย่างเก้าเขามาในเขตคฤหาสน์แห่งนี้
... เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อค้าเก่า ได้ตื่นขึ้นจากการหลับไหล เนื่องจากแสงแดดกระทบกับหน้า เขาตื่นแล้วเตรียมตัวออกเดินทาง เขากัดก้อนขนมปังแข็งๆ ชิ้นสุดท้ายเพื่อระงับความหิวโหย
หลังจากเตรียมตัวเสร็จก็เดินออกนอกคฤหาสน์ แล้วต้องตกใจในสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก เพราะคฤหาสน์ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ในคืนที่ผ่านมา กับในตอนนี้มันต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะตอนนี้มันดูสวยงามมาก ถึงจะปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์แต่กลับสวยงามอย่างบอกไม่ถูก
รวมไปถึงสวนดอกกุหลาบที่อยู่ข้างหน้าตรงหน้านี้ มันสวยงามผิดกับสภาพของคฤหาสน์ที่เก่าทรุกโทรม สวนดอกกุหลาบแห่งนี้ ถูกดูแลอย่างดี ทำให้เขานึกถึงภรรยาของตนที่เสียไป นางชอบปลูกดอกไม้ และนางมักฝากให้เขาหาพันธุ์ไม้มาให้ตลอดทุกครั้งที่เขาออกไปคุยในเมืองอื่น
และเขาก็นึกขึ้นเรื่องนึงได้ เรื่องที่ลูกสาวคนเล็กขอไว้ ว่านางนั้นอยากได้ดอกไม้ และนางก็ชอบดอกกุหลาบมากอีกด้วยเหมือนกับภรรยาตน และในสวนดอกไม้ของนางก็ยังไม่มีดอกกุหลาบ เลยคิดว่าจะนำติดตัวไปสักหน่อย
แต่ทันทีที่เขาเด็ดดอกกุหลาบออกมานั้น เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างกำลังอยู่ข้างหลังเขา บ้างสิ่งบ้างอย่างนั้นคือ สัตว์ร้ายร่างโต ไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รู้ขนาดตัวใหญ่กว่าเขาเท่าตัว เขาพยายามหันไปมองก็พบกับ
อสูรสูง 3 เมตร ร่างกายใหญ่โต หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนสัตว์ร้าย ดวงตาสีแดงสดดุจเลือด กำลังแยกเขี้ยวใส่ตน อสูรตนนั้นยื่นมือที่เหมือนกับสิงโตมาหาตน เขาถูกจับยกขึ้นสูงจากพื้น
อสูรร้ายคำรามใส่ จนป่าสั่นไหว พ่อค้าเก่าพยายามร้องขอชีวิต แต่อสูรนั้นไม่ยอมปล่อย อสูรตนนั้นดูโกรธมาก เขาจึงถูกโยนใส่กรงขังให้เน่าตายในนั้น
เขาพยายามพูดขอร้องต่างๆ นาๆ ให้ปล่อยตนไป และบอกไปถึงสาเหตุที่ตนเด็ดดอกกุหลาบนั้น เพราะตนแค่อยากมอบดอกไม้สวยๆ นี้ให้ลูกตนเท่านั้นเอง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อสูรจึงยื่นข้อเสนอให้เขา ถ้าอยากออกไปก็เอาลูกสาวมาอยู่ในนี้แทน เขากัดปากแน่นจนเลือดไหล แล้วหวนคิดถึงเรื่องต่างๆ และโกรธตนที่กล้ากลืนคำพูดตนเองว่าจะไม่หยิบของใครมาเด็ดขาด จากท่าทางของอสูรทำให้รู้ว่าอสูรตนนี้รักดอกกุหลาบมาก เขากลับไปเด็ดมันออกมา
เขาทำร้ายตัวเอง แล้วด่าทอสาปแช่งตัวเองที่ทำพลาดไป แต่อสูรนั้นยังคงรอคำตอบอยู่หน้าลูกกรง เขาฝืนรับปากยอมรับ
เขาถูกปล่อยไป การเดินทางครั้งนี้มันช่างหนักหนามาก หนักหนายิ่งกว่าไปเมืองตั้งไกลแล้วยังคุยธุรกิจไม่สำเร็จอีก เพราะเขาอาจจะต้องเสียแสงสว่างคอยส่องสว่างในใจยามท้อแท้
เบลล์ คือลูกสาวคนเล็กที่คอยช่วยเหลือเขาตั้งแต่มาอยู่ในชนบท ทั้งช่วยหาเงินทั้งทำงานในร้านอาหารร้านเหล้า และยังปลูกดอกไม้ขายกับชาวบ้าน และยังไม่ขออะไรที่ฟุ่มเฟือยเลยสักครั้งเดียว
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ลูกสาวคนโตทั้งสองก็ออกมารับอย่างดี แล้วถามถึงเพชรพลอยชุดสวยงามที่พวกตนขอไว้ เขาถอนหายไปแล้ววางของที่ได้มา ก่อนเดินคอตกขึ้นห้องไป ลูกสาวทั้งสองนั้นไม่ได้เห็นหรือรับรู้เลยว่าตนนั้นเหนื่อยมากแค่ไหน จนร้องไห้ออกมา
เบลล์ : ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรรึเปล่า? หิวข้าวไหมคะ? ลูกนำอาหารมาด้วยนะคะ
เสียงเล็กๆ สดใสดังขึ้น เป็นเสียงของลูกสาว ตนจึงรีบไปเปิดประตู เขาอยากเห็นลูกสาวคนนี้มาก ทันทีที่เขาเปิดประตูออก เบลล์ก็เดินมาพร้อมกับอาหาร เขารีบทานอาหารแสนคิดถึงนี้ทันที
ทันทีที่เขาทานเสร็จ เบลล์ก็ถามออกมาว่า ตนเป็นอะไรไหม? เหนื่อยกับการเดินทางรึเปล่า? แล้วเบลล์ก็ขอบคุณเรื่องเมล็ดดอกไม้นี้ด้วย ใบหน้าของเบลล์ดูกังวลมาก เหมือนรู้ว่าตนเจอเรื่องร้ายๆ แต่ตนไม่อยากเล่าออกมา ไม่อยากพูดถึงมัน และตลอดทางที่เขากลับมา เขาก็นึกถึงเรื่องที่อสูรนั้นพูดมาโดยตลอด
เบลล์ : ท่านพ่อ ท่านไม่จำเป็นต้องแบกทุกอย่างไว้ผู้เดียว ลูกจะช่วยบรรเทาภาระนี้เอง เล่ามาให้ลูกฟังเถอะนะ ว่าท่านพบเจอสิ่งใดมา ลูกพร้อมรับฟังแล้วแบ่งเบาภาระนั้นเอง
คำพูดของเบลล์ทำให้หัวอกคนเป็นพ่อต้องร่ำไห้ มีเพียงลูกสาวคนนี้คนเดียวที่อยู่เคียงข้างตน เขาฝืนยิ้มแล้วให้เบลล์ออกไป เพราะเขาอยากอยู่คนเดียว เขาคิดแล้วคิดอีก ว่าต้องทำเช่นไรดี และที่แน่ๆ ถ้าเขาไม่ส่งลูกสาวไป อสูรนั้นต้องโจมตีหมู่บ้านแห่งนี้แน่ แล้วทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน
เขากังวลอย่างหนักอยู่หลายวัน จนเบลล์เริ่มที่จะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของเขา แล้วรุกหนัก ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่หยุด จนเขาใจอ่อนแล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง
เบลล์ : อย่างนี้นี่เอง เพราะลูกทำให้ท่านพ่อต้องทำเรื่องแบบนั้น เพราะลูกทำให้ท่านพ่อต้องลำบากใจ ดังนั้นส่งลูกไปเถอะ ลูกจะชดเชยในสิ่งที่ทำไปเอง ถ้าลูกไม่ขออะไรแบบนั้น ท่านคงไม่ทำเช่นนี้
เบลล์จับมือพ่อของตนไว้แล้วพูดออกมา แต่พ่อของเขายังคงปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่อยากให้ลูกตนต้องไป แต่มันไม่เป็นผลเลย เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นที่เขาได้เล่าทุกอย่างไป เบลล์ก็ไม่อยู่บ้านแล้ว พร้อมทิ้งจดหมายไว้ให้ว่า
“ลูกขอโทษที่แอบหนีมาแบบนี้ ลูกขอโทษจริงๆ แต่ถ้าลูกไม่ทำแบบนี้ท่านพ่อคงไม่ยอมแน่ ลูกจะรับผิดแทนท่านพ่อเอง เพราะเดิมทีลูกเป็นคนขอให้ท่านหาดอกไม้มาให้เอง ท่านพ่อจึงทำเช่นนั้น ดังนั้นลูกจะไปค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าอสูรตนนั้นหายโกรธแล้ว เขาคงปล่อยลูก แล้วอีกอย่างลูกดูแลตัวเองได้ อย่างที่ท่านบอก ถึงเป็นสตรีก็ต้องเข้มแข็งไม่ว่าเจอเหตุการณ์ใด ก็ต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ ลูกจะกลับมาหาท่านพ่อแน่นอนค่ะ โปรดรอนะคะ ลูกรักท่านนะคะ ท่านพ่อ”
เขาร้องไห้ออกมาหลังอ่านจบ เพราะตนอาจจะเสียแสงสว่างสุดท้ายไปตลอดกาล หลังร้องไปสักพัก เขาก็หยุดแล้วพูดปลอบใจตัวเอง แล้วลุกขึ้นสู้ต่อ เพราะเขาเชื่อว่าสักวันเบลล์อาจจะกลับมา แล้วถ้าวันนั้นมาถึง พบว่าตัวเองเอาแต่ร้องไห้แบบนี้ มันคงไม่ดีแน่ ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ทำทุกอย่างอีกครั้ง ไม่ว่าจะล้มอีกสักกี่ครั้งก็จะลุกขึ้น เพราะเบลล์ยอมสละเพื่อตนแบบนี้ แล้วจะเอาแต่ร้องไห้อยู่แบบนี้ไม่ได้ แล้วเบลล์เองก็บอกว่าจะกลับมา ดังนั้น ถ้าเบลล์กลับมา เบลล์ต้องภูมิใจในตัวเขา ที่สามารถลุกขึ้นสู้ต่อไป ไม่ใช่เอาแต่ร้องไห้แบบนี้...
รีวิวผู้อ่าน
0 รีวิว
จัดเรียงตาม
อ่านบนแอปฯ Fictionlog
ดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อการอ่านที่ดียิ่งขึ้น