image cover
Sorcerer & Spy
ฟีโดรา มัลดินี ได้รับภารกิจลับอย่างหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับความแค้นในอดีตของเขา เรื่องราวของเหล่าสายลับในโลกเวทมนตร์ ที่ต้องเผชิญหน้ากับภารกิจสุดอันตรายที่มีโลกทั้งใบเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นจากภารกิจนี้
ยอดวิว
806
จำนวนตอน
23
ความคิดเห็น
1

รายละเอียด

ฟีโดรา มัลดินี จอมเวทของทางการแห่งกองกำลังพิเศษ SPEAR ได้รับภารกิจอันตรายจากเอริค เลสเตอร์ ผู้บัญชาการและเพื่อนสนิทของเขา ให้ทำงานร่วมกับสองจอมเวทสาวมิเนอร์วาและวิเนอรีในการทำภารกิจอันตราย ที่โรงแรมรอยัลคาเมนีแห่งนั้นเขาได้เผชิญหน้ากับเดเมียน ชายผู้ทำให้เขาต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป ภารกิจทวงแค้นที่มีโลกทั้งใบเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้น




ไทม์ไลน์เรื่องสั้น เนื้อหาหลังบทนำ


Sorcerer & Spy

Short Story Destiny      

เมืองคอลลินส์ ฤดูร้อน 5.00 PM

                แสงอัศดงทอประกายเหนือหมู่เมฆบนท้องนภา

                ร่างของบุรุษผู้สวมใส่ด้วยอาภรณ์สีรัตติกาลแบบมีฮูทคลุมศีรษะ ตกแต่งลวดลายสีแดงตามข้อมือทั้งสอง คือเจ้าของเรือนยาวสีเงิน ยืนเหนือเนินเขาเต็มไปด้วยแมกไม้เหมาะสำหรับการพรางตัว

                นัยน์ตาสองสีคมกริบดั่งนกอินทรีมองผ่านสโคปของกล้องดิจิตอลถูกถือด้วยมือซ้าย

                จากสายตามองไปยังอีกฟากฝั่งบนเนินเขาอีกลูก เห็นรถสปอร์ตสีดันคันงามพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วบนทางคดเคี้ยว เบื้องหลังนั้นคือยานพาหนะสองคันวิ่งตะบึงไล่ตามมา

                บนรถหรูปรากฏร่างของชายในชุดสูทสองคน หยิบเอาศาสตราเวทขึ้นมายิงอนุภาคมนตราปะทะกับศัตรู

                พวกเขาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดคอยปกป้องสาวน้อยทั้งสองนอนอกสั่นขวัญแขวนอยู่เบาะหลัง

                เจ้าของนัยน์ตาสองสีเลื่อนสโคปมองเบื้องล่าง เห็นรถสองคันจอดขวางปิดกั้นเส้นทาง ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งถืออาวุธเวทยืนคุมอยู่ไม่ห่างกันนัก

                จากตำแหน่งของบุรุษนัยน์ตาสองสียืนอยู่ทำให้เห็นทิวทัศน์อีกฟากฝั่งอย่างชัดเจน

                “เจอตัวพวกมันแล้วจัดการเลยไหม” บุรุษเรือนเงินติดต่อหาพรรคพวกด้วยเครื่องมือสื่อสาร

                “รอก่อนฟีโดรา ฉันอยากรู้ว่าพวกมันจะพาพวกเธอไปไหน” ปลายสายส่งเสียงเยือกเย็นตอบกลับ

                “เค”

                ฟีโดรา มัลดินี เป็น ‘จอมเวทของทางการ’ จากกองกำลังพิเศษ SPEAR หรือ Solitary Peace of Embattle Reinforcement ให้ตามสืบคดีเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กสาวร้อยกว่าคนทั่วโลก

                เจ้าของนัยน์ตาสองสีได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า องค์กรอาชญากรรมนั้นวางแผนลักพาตัวสองบุตรีแห่งตระกูลครอมเวลล์ในเมืองคอลลินส์แห่งนี้ จึงไล่ตามมาสังเกตการณ์ถึงสถานที่เกิดเหตุ

                แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อว่าองค์กรเหล่านั้นจะใช้แผนลักพาตัวอุกอาจขนาดนี้ แต่นับเป็นเรื่องดีที่พวกมันทำให้เขาตามล่าตัวได้ง่ายขึ้น

                เสียงกัมปนาถแห่งการสิ้นสุดการต่อสู้ดังขึ้นจากบนเนินเขาอีกฝั่ง รถสปอร์ตสีดำเสียหลักพลิกคว่ำข้างทาง

                “พวกมันได้ตัวพวกเธอแล้ว” เจ้าของนัยน์ตาสองสีรายงานสถานการณ์ล่าสุดให้พรรคพวกทราบ

                “ตามพวกมันไปได้เลย” สิ้นเสียงสั่งการจากอีกฝ่าย บุรุษเรือนเงินก็เก็บเครื่องมือสื่อสาร

                สายตาคมกริบมองความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายบนเนินเขาอีกฝั่ง

 

                บนดาวอันมีนามว่าไกอาแห่งนี้ มนุษย์ได้ค้นพบศิลาเวทเมื่อพันปีก่อน มันได้ถูกนำมาพัฒนาเป็นผลึกมนตราเพื่อใช้ในการทำงานร่วมกับอาวุธประเภทต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน

                การใช้เวทมนตร์นั้นประกอบด้วยสามส่วน

                ผู้ใช้หรือก็คือจอมเวท

                สื่อกลาง คือผลึกมนตราซึ่งเป็นแหล่งบรรจุพลังงานของศาสตราเวท

                สุดท้ายพลังเวทของตัวผู้ใช้

                จอมเวทไม่สามารถใช้พลังงานเวทมนตร์ได้ด้วยตนเองเพียงอย่างเดียว ต้องใช้สื่อกลางเป็นผลึกมนตรา

                ซึ่งผลึกเวทเป็นสิ่งที่ใช้แล้วพลังงานจะหมดไป

                ยิ่งใช้พลังงานเวทมนตร์อันทรงพลังมากยิ่งเสื่อมสภาพเร็ว

                จึงทำให้ใครก็ตามมีผลึกมนตราสามารถใช้เวทมนตร์ได้

                สภาเวทมนตร์โลกและสหพันธ์รัฐบาลโลกเป็นผู้กำหนดสนธิสัญญาต่างๆ ในการผลิตคริสตัลมนตรา และเป็นผู้ควบคุมกฎหมายนี้แต่เพียงผู้เดียว

                บุคคลธรรมดาสามารถใช้คริสตัลมนตราก็ทำได้ คริสตัลเวทมนตร์ที่ทางรัฐบาลอนุมัติให้คนทั่วไปใช้ได้นั้นเป็นเพียงคริสตัลระดับพื้นฐาน

                พลังเวทที่ทรงพลังนั้นจำเป็นต้องใช้คริสตัลมนตราระดับสูง

                ทำให้มีเพียง ‘จอมเวทของทางการ’ ที่รัฐบาลหรือสภาเวทมนตร์รับรองจึงจะใช้เวทอันตรายได้

                ไม่ก็พวก ‘จอมเวทนอกรีต’ หรืออาชญากร

 

                ฟีโดราในอาภรณ์ชุดคลุมดำแบบมีฮูทคลุมศีรษะเคลื่อนไหวไปตามแมกไม้อย่างแช่มช้าไร้ซึ่งเสียงฝีเท้า

                เจ้าของเรือนสีเงินหยิบกล้องส่องทางไกลดิจิตอลขึ้นมา

                นัยน์ตาสองสีมองผ่านสโคปลงไปเบื้องล่างหลายสิบเมตร เห็นขบวนรถสามคันแล่นผ่านซุ้มประตูเหล็กทางเข้าหลักเข้าไปในท่าเรือ

                ยานพาหนะเหล่านั้นแล่นเข้าไปจอดในโกดังเก็บสินค้าของท่าเรือเก่าซึ่งแต่เดิมเคยใช้ขนสินค้า

                เจ้าของเรือนสีเงินเห็นกองกำลังติดอาวุธมนตรายืนเฝ้าทางเข้าจำนวนหนึ่ง กล้องวงจรปิดรอบตู้กำแพงสี่จุด นอกจากนี้ยังมีกับดักมนตราอีกสามตำแหน่งด้านใน

                ชายนัยน์ตาสองสีคาดการณ์ว่าสถานที่แห่งนี้คงเป็นฐานที่มั่นชั่วคราว เพราะระบบป้องกันภัยโดยรอบเหมือนถูกสร้างไว้อย่างลวกๆ เวรยามก็มีเฝ้าอยู่ไม่มากนัก

                ฟีโดราเก็บกล้องดิจิตอล เปิดกระเป๋าบรรจุศาสตราเวทแห่งสงคราม

                สิ่งที่ถูกหยิบออกมาคือ ปลอกแขนสีรัตติกาล ตกแต่งลวดลายสีทองอันวิจิตร ประดับด้วยหลอดบรรจุพลังงานใส่คริสตัลสีเงินแวววาวขึ้นมาสวมตรงแขนทั้งสองข้าง

                เจ้าของเรือนเงินหยิบอาวุธมนตราอีกประเภทออกจากซองเก็บยุทโธปกรณ์

                เป็นศาสตราเวทสำหรับการสังหารระยะไกลสีดำทมิฬ ประดับด้วยคริสตัลสีเงินเป็นแหล่งบรรจุพลังงานเวทมนตร์

                ศาสตราเวทหรือ Magic Conductor เป็นอุปกรณ์เหนี่ยวนำพลังเวท ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคริสตัลมนตรา

                ปากกระบอกปืนถูกหันไปทางเป้าหมายเบื้องล่าง กางอาณาเขตข้อมูลพลังงานมนตรา

                “Calamity” เพียงเอ่ยวลีแห่งการความวินาศ

                คริสตัลเวทมนตร์บนปลอกแขนทำงานประสานกับผลึกเวทในแหล่งบรรจุพลังงานบนยุทธภัณฑ์สำหรับการสังหาร

                อาณาเขตข้อมูลพลังมนตราถูกกางออกรอบบริเวณ        

                อาณาเขตข้อมูลพลังมนตรา เป็นเครือข่ายข้อมูลพลังเวทของจอมเวทแต่ละคน เกิดจากอนุภาคเวทมนตร์ที่รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มก้อนข้อมูล ผู้ใช้เวทมนตร์แต่ละคนใช้มันในการควบคุมอนุภาคเวทมนตร์ให้เคลื่อนที่ไปตามทิศทางต่างๆ ภายในขอบเขตรัศมีพลังงาน

                คลื่นพลังงานมนตราไร้สีพุ่งจากปากกระบอกปืนตรงใส่เป้าหมาย

                โครงสร้างกับดักมนตราทุกประเภทแปรเปลี่ยนเป็นผลึกสีดำ

                อุปกรณ์ตรวจจับทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างพังทลาย

                คริสตัลมนตราสีเงินเสื่อมสภาพกลายเป็นสีดำดีดออกจากแหล่งบรรจุพลังงาน

                ยิ่งวัตถุสิ่งของใดก็ตามมีโครงสร้างซับซ้อนมากจำเป็นต้องใช้พลังเวทสูง

                บุรุษเนตรสองสีหยิบคริสตัลมนตราสำรองขึ้นมาใส่ไว้ในช่องบรรจุพลังเวท

                นี่เป็นเวทอัตลักษณ์ของเขา Calamity เป็นพลังเวทที่ช่วยเร่งการเสื่อมสลายของวัตถุ แม้จะไม่ส่งผลทางกายภาพต่อสิ่งมีชีวิตใดๆก็ตาม

                นอกจากนี้ Calamity ยังเป็นพลังเวทสิ้นเปลือง เพราะต้องใช้อาวุธมนตราถึงสองอย่างในการทำงานประสานกัน จึงทำให้ผลึกมนตราเสื่อมสภาพเร็ว

                แต่จากการฝึกฝนมานานหลายปี ทำให้เจ้าของนัยน์ตาสองสีเรียนรู้พลังเวทอันเป็นเอกลักษณ์นี้ มีส่วนช่วยในการสนับสนุนการโจมตีด้วยมนตราประเภทอื่นๆ ในการเผชิญหน้ากับศัตรูในสมรภูมิ

                ไม่มีเวทมนตร์ใดไร้ประโยชน์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการใช้งาน การวางแผนอันเหมาะสม

                มนตราอัตลักษณ์คือ เวทมนตร์พิเศษที่พัฒนามาจากเวทมนตร์ขั้นพื้นฐาน ซึ่งถูกส่งผ่านมาทางพันธุกรรม การจะใช้ได้นั้นจำเป็นต้องใช้สื่อกลางเหมือนพลังเวทอื่นๆ

                จอมเวททุกคนจะมีพลังอันเป็นเอกลักษณ์เพียงอย่างเดียว

                ฟีโดราเริ่มร่ายมนตราอีกครั้ง อาณาเขตข้อมูลพลังงานมนตราถูกกางออก

                ศาสตราเวทหันไปทางเป้าหมายเบื้องล่าง

                กำหนดทิศทางเป็นอาวุธมนตราฝ่ายศัตรู

                “Calamity” ถ้อยคำแห่งความวินาศเปล่งเสียงขึ้น

                คลื่นพลังงานไร้สีถูกส่งไปยังอาวุธเวทมนตร์ในมือศัตรู

                เพียงพริบตาศาสตราเวททั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นโครงโลหะผสมอัลลอย

                คริสตัลมนตราในหลอดบรรจุพลังเวทแตกกระจายกลายเป็นสีดำ

                วิทยุสื่อถูกปรับสภาพเหลือเพียงแผงวงจร ตัวจ่ายกระแสไฟฟ้าหลุดออกมา

                เนตรสองสีชำเลืองมองความสับสนเบื้องล่าง หลังใช้มนตราอัตลักษณ์เสร็จ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องกำจัดศัตรู

                ฟีโดรากระชับศาสตราเวทในมือขึ้นเล็งประทับ ปรับโหมดเข้าสู่อาวุธมนตราธรรมดา

                คลื่นอนุภาคสีดำพุ่งจากลำกล้องปืน

                ลำแสงมรณะซัดร่างของชายฉกรรจ์ทั้งสี่ปลิดปลิว

                คริสตัลเวทมนตร์เปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีดำดีดออกจากแหล่งบรรจุพลังงาน

                ฟีโดราหยิบผลึกมนตราอันใหม่ใส่เข้าไปแทนที่ ก่อนจะเคลื่อนตัวไปตามแมกไม้ลงจากเนินเขา

                สอดส่ายสายตาระแวดระวังสำรวจอาณาบริเวณ ศาสตราเวทในมือหันไปทุกทิศทาง

                เมื่อตรวจดูโดยรอบแล้วไม่พบร่องรอยของศัตรูเหลืออยู่ บุรุษเนตรสองสีจึงเคลื่อนตัวเข้าไปด้านในท่าเรือ

 

                “นี่มันหมายความว่ายังไงเจ้าพวกโง่” เสียงอันเกรี้ยวกราดตวาดดังขึ้นจากออฟฟิศชั้นสองของโกดังเก็บสินค้า

                เจ้าของเสียงเป็นชายใส่หน้ากากป้องกันสารเคมี แม้เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน แต่ดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้นมีสีน้ำตาล ร่างกายสูงใหญ่ในชุดป้องกันรังสี

                โดรู โปเปสคู(35 ปี) สมาชิกระดับแกนนำคนหนึ่งขององค์กรลึกลับแห่งหนึ่ง

                “ขอโทษด้วยครับคุณโดรู แต่เราเอาตัวเด็กสองคนนั้นมาได้แล้วนะครับ” ลูกน้องคนหนึ่งแสดงคำขอโทษด้วยท่าทางตื่นตระหนก

                “ไอ้พวกโง่ บอสของเราต้องการตัวนังเด็กสองคนนั่นในสภาพสมบูรณ์ที่สุดนะ บาดเจ็บแบบนี้คนที่จะซวยมันคือฉันรู้ไหม”

                “แต่ว่าตอนนั้นเราต้องปะทะกับบอดี้การ์ดของนังเด็กนั่นนะครับ”

                “พอได้แล้ว ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวงี่เง่าของพวกแก ใสหัวไปซะ” สิ้นเสียงตระโกนของชายในชุดป้องกันรังสี ลูกน้องคนนั้นก็เปิดประตูเดินออกไปจากห้อง

                สักพักโดรูก็รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากของบางสิ่งในกระเป๋า

                เขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมารับสาย

                “ไงโดรู” ปลายสายส่งเสียงทักทาย

                “สวัสดีครับบอส นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะติดต่อมาหาผมโดยตรงแบบนี้” ชายใส่หน้ากากกันสารเคมีทักทายอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสุภาพ ผิดจากการแสดงออกกับลูกน้องเมื่อสักครู่

                “ได้ตัวนังเด็กสองคนนั่นมาแล้วสินะ” เสียงของผู้บงการเอ่ยถามเรื่องเด็กสาวทั้งสอง

                “ได้มาแล้วครับ” โดรูรายงานด้วยความยำเกรง

                “สภาพสมบูรณ์ไหม?”

                “ก็สมบูรณ์ดีครับ”

                “ยูเรก้า นับว่าเป็นข่าวดีจริง เตรียมของไว้ให้ดีล่ะ” เสียงจากปลายสายฟังดูปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินข่าว

                “ทราบแล้วครับ จะเตรียมให้เดี๋ยวนี้” สิ้นสุดการสนทนา โดรูก็ปิดสมาร์ทโฟน

                ไม่นานเสียงเรียกจากอุปกรณ์สื่อสารก็ดังขึ้น

                “คุณโดรูครับ ตอนนี้กล้องวงจรปิดและกับดักเวทของเราไม่รู้โดนใครทำลาย”

                “ว่าไงนะเจ้านั่นมันเป็นใครกัน”

                “เรายังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่คนของเราโดนมันสังหารไปหลายคนแล้ว”

                “ไอ้พวกโง่เอ๊ยรีบๆ หาตัวมันให้เจอแล้วฆ่ามันซะ ไม่อย่างนั้นพวกแกได้เป็นศพแทนมัน”

                สายตาของโดรูก้มลงมองปลอกแขนสีเขียวเข้มบรรจุคริสตัลมนตราสีเงินของตน

 

                ลานกว้างซึ่งมีตู้คอนเทนเนอร์ตั้งเรียงรายอยู่จำนวนหนึ่ง

                ฟีโดรายกแขนแนบอกเตรียมศาสตราเวทยืนพิงตู้คอนเทนเนอร์สีแดง

                สายตาชำเลืองมองเหล่าศัตรูจำนวนหนึ่งเคลื่อนตัวออกจากหน้าทางเข้า-ออกคลังเก็บสินค้าด้านใน

                เขาเห็นอีกฝ่ายแบ่งกองกำลังเป็นสามส่วน กลุ่มละสองคน

                บุรุษผมเงินคิดหาวิธีกำจัดศัตรูทั้งหมดโดยใช้พลังเวทให้น้อยที่สุด เพราะเหลือผลึกมนตราก้อนสุดท้าย

                มีศัตรูกลุ่มหนึ่งเดินมาทางตู้คอนเทนเนอร์

                เจ้าของนัยน์ตาสองสียกมือข้างหนึ่งขึ้นเคาะผนัง

                ชายในชุดน้ำตาลเกิดสงสัยจึงแยกตัวออกจากกลุ่ม เดินถืออาวุธมนตราตามหาต้นเสียง

                จังหวะนั้นใบมีดคมกริบตวัดแทงลงเข้าที่ลำคอจากด้านหลัง

                ก่อนชายคนนั้นจะล้มลงสิ้นใจ เจ้าของนัยน์ตาสองสีก็ลากร่างไร้วิญญาณไปซ่อนหลังตู้คอนเทนเนอร์สีแดง

                ถึงฟีโดราจะได้ชื่อว่าเป็นจอมเวทของทางการแห่งกองกำลังพิเศษ SPEAR แต่เขาก็ได้รับการฝึกฝนให้ใช้อาวุธอื่นนอกจากศาสตราเวทมนตร์จนชำนาญ ซึ่งหนึ่งในศาสตร์นั้นคือการลอบสังหารระยะประชิด

                บุรุษเนตรสองสีเคลื่อนตัวไปหลบหลังตู้คอนเทนเนอร์อีกด้าน

                ชำเลืองมองชายใส่เสื้อเชิ้ตน้ำตาลถือศาสตราเวทกำลังเดินไปมาเพียงลำพัง

                หินก้อนหนึ่งถูกโยนออกไป มันกลิ้งกระทบพื้น ดึงความสนใจชายใส่เสื้อเชิ้ตหันไปมอง

                ชายผมเงินอาศัยจังหวะนี้ เคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วไร้เสียงฝีเท้า

                ใบมีดเฉือนหลอดลมอีกฝ่ายจากข้างหลัง มือข้างหนึ่งปิดปากไม่ให้เสียงใดเอ่ยออกมา

                ฟีโดราลากร่างแน่นิ่งไปซ่อนไว้หลังตู้คอนเทนเนอร์สีส้มเปล่า

                เจ้าของเรือนเงินในชุดคลุมดำชำเลืองมองออกไปข้างนอก เห็นศัตรูเหลืออีกสองกลุ่ม

                บุรุษเนตรสองสีปีนขึ้นไปบนตู้คอนเทนเนอร์ เดินเลาะไปอีกด้านไปอย่างเงียบเชียบ

                สายตาเพ่งมองชายถืออาวุธมนตราสองคนยืนอยู่เบื้องล่างดั่งอินทรีล่าเหยื่อ

                เจ้าของเรือนเงินถือมีดไว้ในมือทั้งสองข้าง

                เขาโดดลงไปตวัดมีดแทงเข้าหลังลำคอชายคนหนึ่งโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว

                ก่อนชายอีกคนจะหันมา ใบมีดก็ถูกปาไปปักบนศีรษะล้มลง อาวุธในมือร่วงหล่น

                เจ้าของเนตรสองสีกระชับศาสตราเวทในมือขึ้นเล็งประทับ หันไปมองศัตรูอีกสองคนวิ่งตรงมาพร้อมเหนี่ยวไก

                ลำแสงสังหารพุ่งจากลำกล้องปืน ร่างของชายสองคนปลิดปลิว

                หลังสังหารศัตรู ฟีโดรายกศาสตราเวทในมือขึ้นแนบอก

                บุรุษเรือนเงินกวาดสายตาพร้อมหันลำกล้องปืนไปทุกทิศทางให้แน่ใจว่าไม่มีใครเหลือรอดแล้ว

                เจ้าของเนตรสองสีจึงเคลื่อนตัวเข้าไปในโกดังสินค้าแบบไร้เสียง

 

                ฟีโดราย่างเท้าไปตามทางเดินแบบเงียบเชียบ โดยใช้มุมเสาเป็นที่กำบังกาย

                “ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวไปหรอกไอ้หนูสกปรก” เสียงนั้นดังมาจากสุดปลายทางเดิน

                คำพูดนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าเวลาแห่งการเผชิญหน้ามาไวกว่าที่คาด

                บุรุษเนตรสองสีชำเลืองมองไปหาศัตรูผู้ไม่คิดซ่อนตัว

                อีกฝ่ายเป็นชายใส่หน้ากากกันสารเคมี แม้เห็นใบหน้าไม่ชัดแต่ดวงตาคู่นั้นสีน้ำตาล ร่างกายสูงโปร่งในชุดป้องกันรังสี จากลักษณะภายนอกดูเหมือนนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมีมากกว่าทหารรับจ้างหรือผู้ชำนาญด้านการสู้รบ

                โดรู โปเปสคู หัวหน้ากลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่เขาตามล่าตัวอยู่

                “ยังจะซ่อนตัวอยู่อีกเหรอ ฉันรู้นะว่าแกอยู่ตรงนั้น” ชายในชุดป้องกันรังสีตะโกนก้อง

                เขายกปลอกแขนสีเขียวเข้มข้างซ้ายขึ้น

                “Death Smoke” สิ้นคำผลึกมนตราสีเงินส่องประกาย อาณาเขตข้อมูลมนตราถูกกางออก

                กลุ่มควันสีขาวก่อตัวขึ้นโดยรอบ

                มันถูกดึงให้ไปรวมตัวกันโดยมีชายใส่หน้ากากกันแก๊สเป็นศูนย์กลาง

                ควันเหล่านั้นล้อมรอบตัวชายในชุดป้องกันสารเคมี

                ทันใดนั้นเองมันก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว

                ประสาทสัมผัสของฟีโดรารับรู้ถึงกลิ่นอันตรายจากควันพวกนี้

                กลิ่นนั้นมันเหมือนสารไซโคลน บี ยาฆ่าแมลงที่มีส่วนผสมของไซยาไนด์

                เพียงมองปราดเดียวบุรุษเนตรสองสีก็เข้าใจแล้วว่ามนตราอัตลักษณ์ของอีกฝ่ายคือการสร้างและควบคุมควันพิษ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือหาทางคำนวณขอบเขตการใช้งานของพลังเวทฝ่ายศัตรู

                เจ้าของเรือนเงินจึงตัดสินใจเคลื่อนตัวออกจากโกดังเก็บสินค้าเพื่อหาวิธีรับมือ

                ดวงตาสีน้ำตาลของโดรูเห็นชายในชุดคลุมดำแบบมีฮูทวิ่งออกไปจากโกดัง

                ‘คิดจะหนีงั้นเหรอไอ้หนูสกปรก จงรู้ไว้ซะไม่มีใครหนีจากพลังเวทของฉันได้’ ชายในชุดป้องกันรังสีแสยะยิ้มคลุ้มคลั่งจนสีหน้าบิดเบี้ยว เขารู้สึกหลงลำพองใจในพลังอำนาจของตน

                โดรูยกมือขึ้นสั่งการให้กลุ่มควันมรณะไล่ตามเป้าหมายไป

                ทว่าอีกฝ่ายกลับหนีรอดออกไปได้ ก่อนควันเหล่านั้นจะถึงตัว

                ชายสวมหน้ากากป้องกันสารเคมีเดินตามเป้าหมายของเขาไป โดยมีกลุ่มควันล้อมรอบตัว

 

                ฟีโดราซ่อนตัวอยู่หลังตู้คอนเทนเนอร์สีน้ำเงิน

                ตอนนี้บุรุษเรือนผมเงินเข้าใจขอบเขตการทำงานเวทอัตลักษณ์ของศัตรูแล้ว

                พลังเวทของอีกฝ่ายถูกจัดเป็นธาตุมืด ประเภทโจมตีใส่ตัวบุคคล รัศมีการทำงานเป็นวงกว้าง ควบคุมระยะได้ตั้งแต่ใกล้ถึงกลาง

                บัดนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องจัดการกับเป้าหมาย

                เนตรสองสีชำเลืองมองไปยังศัตรูผู้พึ่งออกมาจากโกดังเก็บสินค้า

                ร่างของอีกฝ่ายถูกปกคลุมด้วยควันพิษ ทว่านั่นไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา

                “Calamity” บุรุษเรือนผมเงินเอ่ยวลีแห่งความวินาศ อาณาเขตข้อมูลพลังมนตราถูกกางออก

                ศาสตราเวทในมือยกขึ้นเล็งประทับ

                ลำแสงไร้สีพุ่งจากลำกล้องปืน เป้าหมายของมันคือศาสตราเวทฝ่ายศัตรู

                “บ้าน่า...นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น” เสียงร้องตระโกนของโดรูดังขึ้น ศาสตราเวทในมือพังทลาย ปลอกแขนที่เคยสวมถูกแยกชิ้นส่วน ผลึกมนตราในแหล่งบรรจุพลังงานถูกแยกองค์ประกอบก่อนแตกกระจาย

                ชายในชุดป้องกันรังสีหันไปมองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เห็นชายในชุดคลุมดำแบบมีฮูทปรากฏตัวออกมาจากหลังตู้คอนเทนเนอร์

                ไม่หลงเหลือท่าทีหยิ่งผยองอย่างเดิมเหลืออยู่อีกเลย

                เหลือเพียงสีหน้าของผู้นำกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงไร้น้ำยา ยามสิ้นศาสตราเวท ไร้ซึ่งอำนาจสั่งการ ร่างกายแข็งค้างด้วยความกลัวตามสัญชาติญาณ

                ฟีโดราปรับเปลี่ยนศาสตราเวทในมือกลับเข้าสู่โหมดการใช้งานธรรมดา

                ลำแสงสีดำพุ่งทะลุศีรษะของศัตรู แม่สีสาดกระเซ็น ก่อนร่างนั้นจะล้มลงสิ้นใจ

                หลังสังหารหัวหน้าของศัตรู กำจัดเหล่าลูกน้องจนหมดสิ้น ฟีโดราจึงเก็บศาสตราเวทเข้าซองบรรจุยุทธภัณฑ์

                เจ้าของเรือนผมเงินก้มลงหยิบคีย์การ์ดจากในกระเป๋ากางเกงของร่างแน่นิ่ง

                ชายนัยน์ตาสองสีย่างเท้าเข้าไปในโกดังเก็บสินค้า

 

                สุดปลายทางเดินฟีโดราหยุดอยู่หน้าห้องเก็บสินค้า

                เจ้าของเรือนผมเงินหยิบคีย์การ์ดตวัดผ่านเครื่องสแกน

                ประตูถูกเปิดออก บุรุษเนตรสองสีมองเข้าไปข้างใน

                เขาเห็นร่างของสาวน้อยทั้งสองนอนหมดสติอยู่บนเตียงคู่กัน

                เป็นเด็กสาวผมยาวสีไพลินสุกสกาวกว่าแซฟไฟร์ในอาภรณ์สีน้ำเงินลายลูกไม้กระโปรงระบาย

                อีกคนเป็นเด็กสาวเรือนผมยาวสีทองเจิดจ้าในอาภรณ์สีขาวเปิดไหล่ลายลูกไม้กระโปรงยาว

                ทั้งสองใบหน้าละม้ายคล้ายกันจนดูเหมือนฝาแฝด

                ศีรษะและแขนของพวกเธอถูกพันด้วยผ้าขาว

                แม้จะบาดเจ็บแต่เมื่อเห็นพวกเธอยังมีชีวิตและปลอดภัยชายนัยน์ตาสองสีก็รู้สึกโล่งอก

                สิ่งที่ชายหนุ่มสงสัยอยู่ก็คือพวกมันต้องการตัวพวกเธอไปทำไม

                “เจอตัวเด็กแล้ว” ฟีโดราหันหลังกลับยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาติดต่อหาพรรคพวกรายงานเรื่องภารกิจ

                “พวกเธอปลอดภัยไหม” ปลายสายเอ่ยถาม

                “พวกเธอบาดเจ็บ ส่งทีมแพทย์มาด้วย”

                “เข้าใจแล้วทำได้ดีมาก” สิ้นสุดการสนทนา ฟีโดราก็เก็บอุปกรณ์สื่อสาร

                ตอนนี้บุรุษเนตรสองสีเหลือเพียงรอให้พรรคพวกส่งทีมแพทย์ฉุกเฉินมารับตัวสาวน้อยทั้งสอง

 

                ความมืดยามราตรีปกคลุมท้องฟ้า บนเรือยอร์ชสีขาวลำเล็กลอยอยู่กลางท้องทะเล ปรากฏเงาร่างของบุคคลผู้หนึ่งเอนกายบนโซฟา

                ชายคนนั้นกำลังรอฟังข่าวดีจากลูกน้อง

                “บอสครับ คนของเราบอกว่าเจ้าโดรูโดนสังหาร” ชายในชุดสูทน้ำตาลคนหนึ่งเดินมารายงาน

                “แล้วเด็กล่ะ?” ชายผู้นั้นไม่ได้สนใจเรื่องการตายของลูกน้องเลยแม้แต่น้อย

                “โดนพวกมันพาตัวไปแล้วครับ”

                “พวกมันเป็นใคร?”

                “ตอนนี้เรายังไม่แน่ใจเหมือนกันครับบอส”

                “งั้นรึ สืบหาพวกมันให้เจอแล้วจัดการมันซะแล้วก็หาตัวเด็กสองคนนั้นให้เจอด้วย” ในความมืดยามราตรี ใบหน้าแห่งผู้บงการแสยะยิ้มชั่วร้าย

...อ่านเพิ่มเติม

รีวิวผู้อ่าน

0 รีวิว
จัดเรียงตาม
    
กำลังโหลด...

สารบัญ

23 ตอน
เพิ่มตอนล่าสุด 17 เม.ย. 2024
กำลังโหลด...

เผยแพร่โดย

1
เรื่อง
2
ผู้ติดตาม