รายละเอียด
ท้องฟ้าที่มืดสนิทมาพร้อมเสียงฟ้าร้องเพราะฝนที่กำลังตกลงจากฟ้า เด็กมัธยมที่วิ่งฝ่าสายฝนเพราะความหวาดกลัวในใจ
แบมแบมกำลังหนีการไล่ล่าจากคนที่ไม่ใช่คน
เด็กหนุ่มเดินทางกลับบ้านด้วยรถประจำทางเหมือนทุกวัน จังหวะที่กำลังเดินผ่านตรอกเล็กเพื่อเลี่ยงถนนที่กำลังขุดเจาะจะกลับบ้าน ใครจะไปคิดว่าภายในตรอกนั้นจะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น
เหตุการณ์ประหลาดที่จะเปลี่ยนชีวิตคนตัวเล็กไปตลอดกาล...
มือใหญ่ที่หยาบกระด้างบีบเข้าที่ลำคอของชายคนหนึ่ง ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามอ้าปากเพื่อกอบโกยลมหายใจเข้าไปให้มากที่สุดและพยายามดึงมือของชายผู้นั้นออก แต่ก็ยากเกินกว่าจะสู้แรงได้ ภาพตรงหน้าทำให้แบมแบมเปิดปากตะโกน แสล้งว่ามีตำรวจกำลังมา ได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อชายคนนั้นถูกเล็บแหลมคมราวกับเขี้ยวยาวๆ กดลงไปที่ท้องอย่างเร็วและแรงแค่เพียงพริบตา สิ่งที่อยู่ภายในท้องและเลือดกองโตไหลทะลักออกมากองกับพื้น
คนตัวเล็กแทบล้มทั้งยืน น้ำตาและความหวาดกลัวหลั่งไหลออกมาพร้อมกับอาการตกใจกลัวจนเกือบก้าวขาไม่ออก
ทว่า...ยามที่ชายคนนั้นตวัดสายตาแสนน่ากลัวและรอยยิ้มน่าสยดสยอง สติที่เหลืออันน้อยนิดก็สั่งการให้แบมแบมวิ่งอย่างสุดชีวิต
แต่จู่ๆ ฝนก็ตกลงมาเพิ่มความยากลำบากให้คนตัวเล็กเพิ่มเข้าไปอีก หยดน้ำฝนไหลเข้าที่ตา แว่นอันโตที่เต็มไปด้วยหยดน้ำเกาะ มือเล็กดึงแว่นที่เคยสวมใส่ทิ้งอย่างไม่ไยดี ยกมือขึ้นเช็ดตาเพราะเริ่มจะแสบตา
ขาเล็กที่วิ่งด้วยความเร็วเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ยังช้าไป...ไม่อาจทันอสุรกายที่หมายจะเอาชีวิต ฆ่าปิดปากคนที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้
แบมแบมถูกคว้าเข้าอย่างจังที่หลังลำคอ พร้อมทั้งปลายเล็บของคนคนนั้นจิกลงมาคอของคนตัวเล็กจนเจ็บไปหมด
กลิ่นคาวและความเหนอะหนะของของเหลวสีแดงที่แบมแบมรู้ดีว่ามันคืออะไร รู้ได้อย่างดีเลยล่ะ เพราะเขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตรงหน้าด้วยตาตัวเองอย่างชัดเจน
ทั้งความกลัวและความสะอิดสะเอียนจากกลิ่นคาวเลือด มันทำให้สิ่งที่อยู่ในท้องกำลังจะถูกคะย้อนออกมาแบบอัตโนมัติ
แต่หากอ่อนแอ เขาก็จะต้องตายจากตัวอะไรไม่รู้
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว
แบมแบมพยายามฮึดสู้ คิดจะดึงมือชายคนนั้นออก แต่นอกจากจะดึงไม่ออกแล้ว ปลายเล็บแหลมคมนั้นยิ่งกดลึกลงมาที่ลำคอ
ตาย...ตายแน่ๆ
เขาคงไม่มีชีวิตรอดอีกต่อไปแล้ว
ทั้งถอดใจและพร้อมที่จะยอมแพ้ให้กับคนด้านหลัง เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางสู้ตัวประหลาดที่ไม่ใช่คนได้
สิ่งที่อยู่ด้านหลังไม่ใช่คนอย่างแน่นอน
“ทำไมกลิ่นเลือดของนายมันช่างหอมหวานปานนี้ล่ะมนุษย์” ยามที่มันพยายามจะเอาจมูกมาดอมดมและแลบลิ้นยาวเพื่อลิ้มรสเลือดที่คอของคนตัวเล็ก ลมหายใจของมันอยู่ใกล้ ใกล้มาก ใกล้และน่าขยะแขยงสิ้นดี แต่แบมแบมไม่อาจหนีไปจากมันหรือสู้แรงของมันได้
แต่เพียงแค่ปลายลิ้นแตะลงที่หยดเลือดเพียงนิดเดียว มันก็ต้องผงะ ก้าวถอยห่าง รีบปล่อยมือที่เคยจับที่ลำคอของแบมแบมเอาไว้แน่นออก ราวกับถูกของร้อน ปล่อยให้ร่างของแบมแบมร่วงลงกับพื้นเพราะขาที่ไม่มีแรงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ตากลมที่ยังคงมีม่านน้ำตาบดบัง หันไปมองเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวด ทรมาน ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าปลายลิ้นของมันกำลังไหม้และเกิดเป็นไฟกองเล็กที่ดับไม่ได้
มันร้องและดิ้นรนเหมือนเจียนจะตาย แบมแบมคลานถอยหลังหนี เมื่อร่างของมันกำลังล้มลงและคลานเข้ามาหาหวังจะจับที่ขาเขาด้วยความโกรธแค้นจากอะไรสักอย่าง
แต่มันก็ไม่สามารถที่จะจับเขาได้ เมื่อกองไฟเริ่มลุกจากไฟกองเล็กๆ กลายเป็นไฟกองโต
หนี...ต้องหนีเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!” เสียงของชายผู้หนึ่งที่เพิ่งพาตัวเองมาถึงที่เกิดเหตุเอ่ยถามชายอีกคนที่ยืนนิ่งเป็นก้อนน้ำแข็ง มองกองเพลิงที่กำลังเผาไหม้อะไรบางอย่างด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“นายเป็นคนจัดการมันเหรอ...มาร์ค”
“ไม่ใช่”
“แล้วใครที่จัดการมัน?”
“มนุษย์”
“ห้ะ! นายต้องโกหกฉันแน่ๆ เป็นไปได้ยังไงที่มนุษย์จะจัดการกับมันได้”
“ฉันเคยโกหกนายด้วยเหรอ...แจ็คสัน” แจ็คสันไม่อาจพูดอะไรต่อได้ เพราะมาร์ค เพื่อนของเขาไม่เคยโกหก
“กลับกันได้แล้ว ให้คนมาเอาศพพวกของเรา กลับไปด้วย” พูดจบเพียงเท่านั้นร่างที่เคยยืนอยู่ข้างกันก็สลายหายไปพร้อมกับไอหมอกสีฟ้า
#ดวงใจอสูรมบ
ไอหมอกสีฟ้าลอยอยู่ในอากาศเพียงกี่วินาทีก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างของมาร์คปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงานของเจ้าตัว
เก้าอี้หนังอย่างดี ถูกใช้งานทันทีที่เจ้าของห้องกลับมาถึง
ภาพในหัวของมาร์คยังคงมีภาพเหตุการณ์ที่เด็กคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างด้วยความตื่นกลัวอย่างชัดเจนภายในตรอกเล็กๆ มาร์คไม่คิดจะลงไปช่วยอยู่แล้ว เพราะเขาไปที่นั่นเพื่อช่วยคนของตัวเองต่างหาก แต่ทว่ากลิ่นสกปรกนั่นมันกำลังลอยเด่นเข้ามาใกล้ ในไม่ช้า มาร์ครู้ดีว่าไอ้ตัวน่าขยะแขยงนั่นกำลังพุ่งตรงมาในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ มือของมันจับเข้าที่หลังลำคอของเด็กคนนั้น
ไม่ต้องใช้พลังจิตเพื่ออ่านเหตุการณ์ผ่านภาพในหัวของคนทั้งคู่ มาร์คก็เดาออกได้ว่า เจ้าเด็กโชคร้ายนั่น ต้องดันไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นแน่ๆ
มาร์คเกือบจะหันหลังและกลับมายังที่พักอยู่แล้ว เพราะสภาพของมันที่จัดการเด็กคนนั้นก็บอกเขาทุกอย่างแล้วว่า...พวกของเขาไม่รอด
หากแต่ยังไม่ทันที่จะหายไป เขากลับต้องเห็นเหตุการณ์ประหลาดที่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น และไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากมนุษย์ตัวเล็กๆ นั่นเพียงคนเดียว
มนุษย์ที่วิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างเอาเป็นเอาตายจากอสุรกายที่หมายจะมาเอาชีวิต เป็นมัจจุราชที่ไม่ใช่มนุษย์และพร้อมจะกลืนกินมนุษย์
ไฟกองเล็กเริ่มลุกโชนเป็นไฟขนาดใหญ่และเผาไหม้ร่างนั้นจนร่างแทบจะแหลกสลาย
หากเป็นพวกของเขา เขาก็จะลองเอาไอเย็นในตัวลองดับดู เพื่อช่วยพาร่างภายใต้กองเพลิงนั่นออกมา
แต่เพราะมันไม่ใช่พวกของเขา หากแต่เป็นพวกตัวริมตัวไรที่น่ารำคาญ มาร์คถึงได้รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
ต้องลบภาพความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้น
มาร์คสั่งการผ่านกระแสจิตไปยังจินยองทันทีที่เด็กคนนั้นวิ่งหนีไปจากจุดที่เคยยืน
ถึงพวกเขาจะมีตัวตนปะปนและรวมกับมนุษย์ แต่กฎของการอยู่ร่วมกันในโลกใบนี้ก็คือการห้ามเปิดเผยตัวตนและทำร้ายมนุษย์
มีแค่บางพวกเท่านั้น แค่บางกลุ่มที่ยังมีความเชื่อว่าทั้งเลือดและเนื้อของมนุษย์เป็นอาหารอันโอชะ
ซึ่งมาร์คไม่ได้มีความเชื่อแบบนั้นแม้แต่น้อย
แต่ถึงมาร์คจะไม่มองมนุษย์เป็นอาหาร แต่ใช่ว่าหน้าที่ปกป้องต้องเป็นของเขา
เขาไม่ใช่อสุรกายที่ดีขนาดนั้น
ก๊อกๆ
“เข้ามา” หลังคำอนุญาต ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของชายที่แสนสง่าราวกับเจ้าชายเดินเข้ามาในชุดที่ถูกระเบียบ ก่อนที่ชายคนนั้นจะโค้งให้กับมาร์คตามธรรมเนียมปฏิบัติที่มาร์คสั่งให้คนสนิทเลิกทำไปนานแล้ว
“มีอะไรรึเปล่า?” มาร์คเอ่ยถามคนตรงหน้า
“มี”
“ว่ามาเถอะ”
“เด็กคนนั้น...เป็นคนจัดการเจ้านั่นงั้นเหรอ”
“อืม ตามที่นายเห็น”
“แล้วนายรู้ไหมว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร?”
“เลือด”
“ใช่ เลือดเพียงหยดเดียว นายไม่คิดว่ามันประหลาดเหรอมาร์ค”
“ก็ใช่ แต่คนของเราไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์อยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ใจ” เพราะกลุ่มเขา ไม่ได้ดูดเลือดหรือกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่อันตรายจะมาเยือนคนของเขาแน่นอน
“ทำไมจะไม่จำเป็นต้องใส่ใจ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะมาร์ค นายอาจจะลืมอะไรบางอย่างไป แต่ฉันจำได้แม่นและจำได้ดีเลย
ตามตำรา มีเรื่องเล่าว่าเลือดในกายที่ร้อนดั่งไฟแผดเผา และพร้อมจะเผาไหม้ให้ผู้ที่ลิ้มลองเลือดเพียงหนึ่งหยด แหลกสลายกลายเป็นจุณ คนคนนั้นคือคู่ครองของนาย
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือเรื่องที่ไม่ควรเก็บมาใส่ใจนะมาร์ค เราเจอคนคนนั้นแล้ว”
“เด็กนั้นเป็นผู้ชาย”
“แล้ว?”
“ฉันไม่ชอบ”
“นายก็รู้ว่านายหลีกเลี่ยงสิ่งที่เรียกว่าชะตากรรมหรือจิตผูกพันไม่ได้”
“นายแน่ใจได้ไงว่าคือเด็กคนนั้น”
“แล้วตลอด 1500 ปี นายเคยเจอคนคนนั้นรึเปล่า ฉันเชื่อว่าเด็กคนนี้คือคู่ของนายมาร์ค และถ้าใช่จริงๆ เด็กคนนี้จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป หากเรื่องที่ทำร้ายอสุรกายด้วยเลือดหลุดออกไป เขาจะเป็นอันตราย”
“ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่ดี”
“นายคิดว่านายมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นก้อนน้ำแข็งไปตลอดชีวิตเหรอมาร์ค สิ่งที่นายเป็นอยู่ ต้องได้รับการรักษานะ และถ้าเด็กคนนั้นเป็นอะไรขึ้นมา นายจะแย่”
“ฉันอยู่มาได้ถึงขนาดนี้ นายคิดว่าฉันจะตายง่ายๆ หรือไงจินยอง?”
“นายอย่าถือดีไปหน่อยเลย นายนอนไม่หลับมาเพราะความเย็นในตัวมากี่ร้อยกี่พันปีแล้วล่ะมาร์ค ไม่รู้แหละ ในเมื่อเราเจอคนคนนั้นแล้ว ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้เขาหายไป”
“อย่ายุ่งกับมนุษย์ ฉันไม่อยากให้อะไรๆ มันวุ่นวายไปมากกว่านี้”
“ถ้าเป็นมนุษย์ตนอื่น ฉันก็ไม่ยุ่งหรอก นายก็รู้ แต่คนคนนี้ ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา หากแต่เป็นผู้ที่นั่งอยู่บนบังลังก์เคียงข้างนายต่อจากนี้ไปต่างหาก”
“เหอะ! ไร้สาระสิ้นดี”
#ดวงใจอสูรมบ
รีวิวผู้อ่าน
0 รีวิว
จัดเรียงตาม
อ่านบนแอปฯ Fictionlog
ดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อการอ่านที่ดียิ่งขึ้น