รายละเอียด
The Grand Grimoire (เดอะ แกรนด์ กริมอร์) หนังสือศาสตร์มืดที่เขียนขึ้นในต้นศตวรรษที่ 19 เป็นปริศนาเดียวที่ผมไม่อาจใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบายได้
กริมอร์เป็นมากกว่าหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิงหรือลวงโลก หากคุณมีความรู้มากพอที่จะถอดรหัสมัน คุณจะรู้ว่าทุกถ้อยคำในหนังสือคือความจริง ทั้งพลังประหลาด ศาสตร์มืดและปีศาจ
คุณสามารถอันเชิญปีศาจได้ ทว่า...เมื่อคุณร้องขอบางสิ่งจากหนังสือหรือสิ่งที่ออกมาจากหนังสือ คุณก็ต้องจ่ายการชดใช้ด้วยบางอย่างที่อาจมีค่ามากกว่า เท่าเทียมกันหรือน้อยกว่า ผมเชื่อทุกถ้อยคำในกริมอร์ ทำไมน่ะหรือ...เพราะผมคือคนหนึ่งที่เคยครอบครองและใช้มัน
เชอร์ล็อก โฮล์ม
4 พฤกษภาคม ปลายศตวรรษที่ 19
น้ำตกไรเชินบัค
"อ๊าาาาาาาาา" เสียงร้องสอดประสานของชายคู่ปรับสองคนดังขึ้นพร้อมกับร่างผอมบางดิ่งลงมาจากหน้าผาที่น้ำตกไรเชินบัค
"ขอโทษนะเจมส์ แต่ฉันคิดว่านายต้องตายที่นี่" ชายหนุ่มผิวขาว จมูกโด่งตะโกนแหวกเสียงลมบอกคนตรงหน้า
"ถึงยังไงนายก็ต้องตายไปกับฉัน...เชอร์ล็อก" อดีตสหายที่กลายมาเป็นคู่ปรับตลอดกาลส่งเสียงตอบโต้กลางอากาศในขณะที่ร่างร่วงหล่นใกล้กระแทกผืนธาราเข้าไปทุกที
"...หึ" เชอร์ล็อก โฮล์มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ มุมปากเขาคลี่ยิ้มอย่างมีเลสนัย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ้าตัวล้วงมือเข้าไปในเสื้อเพื่อควานหาบางสิ่ง ฉับพลันเมื่อนิ้วแตะวัตถุที่ต้องการ เชอร์ล็อก โฮล์มก็ดึงมันออกมา หนังสือปกหนังอายุหลายร้อยปีถูกเปิดหน้าที่คั่นไว้ เจ้าของหนังสือเปล่งเสียงท่องข้อความบางอย่างสั้น ๆ ก่อนที่จะจบด้วยคำว่า...
"...เคลื่อนย้าย" เขาปิดหนังสือทันทีแล้วยัดมันกลับเข้าที่เดิม
ในขณะที่ร่างของเชอร์ล็อก โฮล์มเริ่มเลือนลางราวหมอกควัน เจมส์ มอริอาตี้ขมวดคิ้วขุ่นเคืองและรีบคว้าร่างนั้นไว้พร้อมกับเปล่งเสียงท่องข้อความที่เพิ่งได้ฟังเพียงครั้งเดียว เขาท่องมันออกมาด้วยเสียงดังฟังชัดเพียงแต่เปลี่ยนข้อความท่อนท้ายเท่านั้น...
"...ตามเชอร์ล็อก โฮล์มไป" เจมส์ มอริอาตี้อดไม่ได้ที่จะกรีดกรายยกยิ้มมุมปากเย้ยหยันอดีตเพื่อนรัก เขาทันเห็นสีหน้าแววตาสั่นไหวของเชอร์ล็อก โฮล์มเพียงเล็กน้อย แต่นั่นเป็นดั่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของเขา
สิ้นเสียงสนทนาโต้ตอบ ร่างบางของสองหนุ่มผู้มีมันสมองอันปราดเปรื่องหายวับไปจากน้ำตกไรเชินบัคในเสี้ยววินาทีต่อมา ทิ้งเอาไว้เพียงเสียงน้ำตกกระทบธารน้ำเบื้องล่างอย่างที่มันเป็น
ซ่า ซ่า ซ่า...
เสียงน้ำที่ตกกระทบพื้นปลุกให้เชอร์ล็อก โฮล์มรู้สึกตัว ชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่ริมน้ำกระดิกนิ้มือขวาสองถึงสามครั้งก่อนจะกำมือ เขาใช้กำปั้นยันตัวเพื่อลุกจากพื้น ทว่า...เรี่ยวแรงที่เหลือไม่เพียงพอให้เขาพยุงตัว ทั้งสายตายังพร่ามัวจากหยาดน้ำที่กระเด็นรายรอบกายและความเหนื่อยอ่อนที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
'เชอะ! แกรนด์ กริมอร์ หนังสือศาสตร์มืดงั้นหรือ งี่เง่าไร้สาระ สุดท้ายก็ตกลงมาถึงธารน้ำข้างล่าง' เชอร์ล็อก โฮล์มคิด เขาทุบกำปั้นลงพื้นแล้วฟุบตัวลงนอนดังเดิม แต่แล้วเสียงใสกังวานของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเหนือหัวเขา
"นายมันน่าสมเพช มีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่รู้จักใช้ แกรน กริมอร์เล่มนี้คงไม่เหมาะกับนาย งั้นฉันขอละนะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า" เจ้าของเสียงระเบิดหัวเราะอย่างคนเหนือชั้นกว่า
เชอร์ล็อก โฮล์มไม่คุ้นกับน้ำเสียงใสราวเด็กหญิงที่เขาได้ยิน ชั่วเสี้ยววินาทีเขาเผลอคิดว่าภายใต้น้ำเสียงนั้นคือเจมส์ มอริอาตี้ คู่ปรับตัวฉกาจของเขา แต่ไม่ทันที่จะเงยหน้าขึ้นมองสติของเชอร์ล็อก โฮล์มก็ดับวูบไป
'แน่ใจหรือว่าเจ้าต้องการแค่เคลื่อนย้ายตัวเอง ข้าให้เจ้าได้มากกว่าสิ่งที่เจ้าร้องขอหลายเท่า' ชายคนหนึ่งเอ่ยถามด้านหลังเชอร์ล็อก โฮล์ม ทำให้ชายหนุ่มยอดอัจฉริยะหันไปหาเสียงทรงพลังนั้น เขาไม่ได้มีทีท่าตกใจกับเขาคู่บนหัวและผิวกายแดงของเจ้าของเสียงที่ได้ยินแม้แต่น้อย แต่เชอร์ล็อก โฮล์มก็ตอบกลับอย่างถ่อมตนว่า
'ฉันไม่ขออะไรอีกแล้ว'
'เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกการขอต้องมีข้อแลกเปลี่ยน' ชายผิวกายแดงถามกลับ
'ฉันรู้ดี' เชอร์ล็อก โฮล์มตอบเรียบ ๆ
'งั้นข้าขอความเยาว์วัยของเจ้าแลกกับการเคลื่อนย้ายตัวเจ้าได้ไหม'
'ไม่ขัดข้อง'
เชอร์ล็อก โฮล์มรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาพยายามกระดิกนิ้วและกำมือก่อนจะนึกถึงสิ่งสุดท้ายที่ทำระหว่างต่อสู้กับเจมส์ มอริอาตี้ เขาตกลงมาจากหน้าผาพร้อมอดีตเพื่อนรัก เขาขอพรจากหนังสือแกรนด์ กริมอร์ และขายความเยาว์วัยให้ปีศาจ หลังจากที่ขอพรเขาตื่นขึ้นมาริมลำธารใต้น้ำตกที่คาดว่าเป็นน้ำตกไรเชินบัค และเขา...สมเพชความโง่เขลาของตนเองที่หลงเชื่อเรื่องราวในหนังสือศาสตร์มืดจอมปลอม จนกระทั่ง...
'นายมันน่าสมเพช...ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า...'เสียงหัวเราะเย้ยหยันยังคงดังกึกก้องในหัวของเชอร์ล็อก โฮล์ม
'ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า....' แม้พูดจะหยุดหัวเราะไปนานแล้วแต่เขากลับได้ยินเสียงนั้นดังอยู่ในหัวตลอดเวลา 'ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า...น่าสมเพช...น่าสมเพช...ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า'
'หยุด! หยุดเถอะเจมส์!!' ชายหนุ่มร้องลั่นแล้วผุดตัวลุกขึ้นนั่ง เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาด เมื่อมองรอบดู ๆ ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นใด เขาจึงปล่อยให้ตัวเองหอบหายใจถี่ ๆ พร้อมกับเหงื่อเม็ดโตที่ไหลอาบกายจนเสื้อผ้าเปียกชุ่ม
ครู่ต่อมาเชอร์ล็อก โฮล์มก็ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก และนั่นคือตอนที่เขาค้นพบความจริงบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง ชายหนุ่มค่อย ๆ ยกฝ่ามือสองข้างขึ้นมาดูช้า ๆ ด้วยความงุนงง
"ฟื้นแล้วหรอ...เด็กน้อย" เสียงทักของหญิงสาวที่ฟังคุ้นหูดังขึ้นจากด้านขวามือของเขา
"ไอรีน แอดเลอร์"
"เพี้ยนถึงขั้นเปรียบเทียบฉันกับตำนานอย่างไอรีน แอดเลอร์เลยหรอ ฮะ ฮะ ฮ่า เรียกฉันว่ามิสซี่จะดีกว่านะ มิสซี่ แอดเลอร์" หญิงสาวร่างบางพูดขำ ๆ ขณะยื่นแก้วน้ำให้เขา "ดื่มสิ" เขารับน้ำจากมือของเธอด้วยความขอบคุณและยกขึ้นจิบทีละนิดก่อนจะร้องขอบางสิ่งจากหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนสตรีที่เขารู้จัก
"ฉันขอส่องกระจกได้ไหม"
"ได้สิ" มิสซี่ แอดเลอร์หยิบกระจกอันเล็กที่เหน็บเอาไว้กับเข็มขัดส่งให้เชอร์ล็อก โฮล์ม "คงไม่ว่าอะไรนะถ้าฉันจะเปิดทีวี" ไม่มีเสียงตอบ เขาทำเพียงมองไปที่โทรทัศน์ซึ่งดูสวยล้ำสมัยแล้วพยักหน้าเพียงครั้งเดียวก่อนจะก้มลงมองใบหน้าตัวเองในกระจกซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสนใจมากกว่า
'แกรนด์ กริมอร์...เป็นของจริงสินะ' เขาพึมพำในใจ 'แต่ไม่คิดว่าการแลกกับความเยาว์วัยจะทำให้ฉันเด็กลง แอบคิดว่าจะเหี่ยวย่นแล้วซะอีก มันยังไงกันนะ..' เขาไม่มีเวลาให้คิดถึงตัวเองมากนักเมื่อหูยังคงทำหน้าที่รับเสียง เขาเงยหน้าช้า ๆ หลักจากได้ฟังการประกาศข่าวผ่านโทรทัศน์
"...ผมว่าศพที่พบเรียกว่าเป็นศิลปจากนรกก็ได้นะครับ" เสียงผู้ประกาศข่าวชายกล่าว
"ทำไมคะ" ครั้งนี้ผู้ประกาศหญิงที่นั่งข้าง ๆ เป็นฝ่ายถาม
"ลองคิดดูดี ๆ สิครับ คดีแรก...หญิงสาวถูกพบเป็นศพหลังถูกทารุณกรรมทางเพศในสภาพเปลือยกาย คุณซาช่าคิดถึงอะไรครับ" ผู้ประกาศชายตั้งคำถาม
"กิเลส ตัณหาทางเพศค่ะ"
"นั่นคือนรกขุมที่สอง...ศพที่สอง ชายอ้วนที่ตายขณะกินอาหารล่ะครับ"
"ความตะกละไงคะ...โอ้ววว พระเจ้า คุณผู้ชมคะ ดูเหมือนเราจะเจอฆาตกรต่อเนื่องเข้าแล้วล่ะค่ะ"
"ครับ นรกขุมที่สองกับสามและยังมีนรกอีกหกขุม เราไม่รู้ว่าฆาตกรเตรียมการเอาไว้ยังไงบ้าง หรือฆาตกรเลือกเหยื่ออย่างไร แต่ตอนนี้ผมขอตั้งชื่อการฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ว่า...สุขนาฏกรรมจากนรก..."