69.00
ราคาของทุกตอน ไม่รวมตอนที่เคยซื้อไปแล้ว
รายละเอียด
คนที่รีบเร่งมาถึงที่ทำงานแต่เช้า รีบหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับที่ต้องนำเข้าไปวางยังโต๊ะทำงานของเจ้านายทุกวันขึ้นดู แล้วถือวิสาสะคลี่หนังสือพิมพ์ฉบับที่เจ้านายของเธอควรจะได้เปิดอ่านเป็นคนแรกด้วยความอยากรู้
เมื่อเปิดไปยังหน้าที่คนนำสารมาส่งให้แต่เช้าบอก เธอก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น ริมฝีปากบางอ้าน้อยๆด้วยความตกตลึงตาค้างอยู่หลายวินาที ยังกับว่าถูกแจคพอตรางวัลที่หนึ่งหลายสิบล้าน แต่แทนที่สีหน้าของคนที่จ้องมองไปยังหน้าหนังสือพิมพ์ จะมีความยินดีฉาบฉวยอยู่บนใบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น เธอกลับร้องดังลั่นด้วยความตกใจ
เปิดเผยแล้วอย่างเป็นทางการ ว่าที่เจ้าสาวในอนาคต ประธานบริษัทยักษ์ใหญ่สยาม จิวลี่ กรุ้ป
"เฮ้ย!...นี่มันอะไรกันเนี่ย" ความเป็นกุลสตรีหายไปในพริบตา ก่อนสายตาจะเริ่มไล่อ่านเนื้อข่าวที่อยู่ในนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ในหน้าข่าวนั้นมีรูปเธอกับท่านประธานของเธอกำลังจับมือถือแขนกันเดินเข้ามาภายในงาน...ที่จริงตอนนั้นเขาจับมือเธอเอาไว้ฝ่ายเดียวตังหาก
และคบหาดูใจกันอยู่นานแล้ว...ใครไปเอาข่าวที่ไม่เป็นความจริงแบบนี้มาจากไหน เธอเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของดาราขึ้นมาบ้างแล้วสิ
นคินีวางหนังสือพิมพ์ที่ยังไม่ได้ถูกพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อยลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ด้วยความหัวเสียอย่างรุนแรง เธอไม่น่ารับปากไปงานเลี้ยงในคืนนั้นกับเขาเลย ทั้งที่รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหนที่อาจจะต้องตกเป็นข่าวใหญ่โต ตอนนี้เธออาจจะกลายเป็นศัตรูหัวใจของหญิงสาวหลายๆคนที่กำลังหมายปองพ่อเทพบุตรสุดหล่อของพวกหล่อนอยู่ นคินีเดาว่าพวกเธอคงกำลังตาถลนออกนอกเบ้า หากได้เห็นหัวข้อข่าวในหน้าแวดวงไฮโซฉบับของวันนี้ด้วยตาตัวเอง
ไม่อยากจะคิด...ไม่อยากจะคิดเลยว่า ตอนที่เขาอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ เขาจะเป็นยังไง เขาคงรู้สึกไม่สบายใจและหัวเสียไม่ต่างจากเธอในตอนนี้
"ยืนคิดอะไรอยู่นคินี"
เสียงจากทางด้านหลังทำให้คนที่กำลังกังวลกับเนื้อหาในข่าวของเช้าวันนี้ถึงกับสะดุ้ง แล้วรีบหมุนตัวมาทางเสียงพูดอย่างรวดเร็วก่อนรีบปรับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลในทีแรกให้กลับมาเป็นปกติ
"เอ่อ คือฉัน คือ"คนไม่รู้จะบอกเขาว่ายังไงดี หยิบหนังสือพิมพ์ที่ถูกวางไว้อย่างลวกๆส่งให้เขาแทน"คุณอ่านหน้านี้สิ"
คนร่างสูงนิ่งไปสักพักก่อนยื่นมือมารับหนังสือพิมพ์ไว้ด้วยสีหน้าเรียบเย็นก่อนเอ่ยขึ้น"ฉันรู้แล้ว"
"ฮะ!...รู้แล้ว แต่คุณยังทำหน้าตาย ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยเหรอ นี่ข่าวเขียนว่าเรา...เอ่อ"เธอลังเลไปสักพักก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบาลง"เป็นแฟนกันเนี่ยนะ"
แก้มของคนพูดซับสีแดงระเรื่อเหมือนลูกมะเขือเทศ หลุบตาลงต่ำเพื่อปิดบังความเก้อเขินเอาไว้ ก่อนเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ว่าสีหน้ากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ที่จริงก็ไม่ได้ปกติตั้งแต่ต้น
"ก็ดีแล้ว" หัวใจของคนพูดพองโต ใบหน้ายิ้มกริ่มเมื่อได้เห็นท่าทางขวยเขินนั้นของคนที่ตนแอบมีใจให้
"อะไรนะ ก็ดีแล้วหรอ จะดีได้ยังไง ในเมื่อในข่าวนั้นมันเป็นการโมเมเอาเองของพวกนักข่าวชัดๆ"เธอว่าขึ้นเสียงสูง แววตาเต็มไปด้วยคำถามกับคำพูดของชายร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"แล้วถ้านักข่าวพวกนั้นไม่ได้โมเมขึ้นเอง เธอคิดว่ามันจะดีอย่างที่ฉันพูดมั้ย"
คำถามกำกวมที่ถูกส่งมาให้นั้นทำให้คนฟังทำหน้าไม่เข้าใจ "แล้ว จะดีได้ยังไงล่ะ ในเมื่อมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว"คนไปไม่เป็นกับคำถาม ตอบแบบปัดไปที ก่อนแสร้งทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อนความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้น
"อย่ามัวแต่ล้อเล่นได้มั้ย คุณรู้มั้ยว่าข่าวที่ออกมาแบบนี้ ฉันเป็นฝ่ายเสียหายนะ!"
"แล้วไง"เขาทำเป็นว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนพูด เพื่อให้เธอขยายความให้ชัดแจ้ง
นคินีสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วค่อยปล่อยออกมาทางจมูกช้าๆอย่างคนกำลังรู้สึกเหนื่อยหน่าย และขี้เกียจจะอธิบายกับคนเข้าใจยาก
"ก็เพราะฉันเป็นผู้หญิงน่ะสิ แล้วอีกอย่าง จะมีใครกล้าเข้ามาจีบฉันล่ะ เพราะคิดว่าเรา..เอ่อ เป็นแฟนกัน"
ภคนนท์รู้สึกไม่ชอบใจนิดๆกับคำพูดที่แสดงให้เห็นว่า คนที่เขามีใจให้ยังแอบคาดหวังว่าจะมีใครเข้ามาในชีวิตสักวันหนึ่ง
อยากให้ใครมาจีบงั้นเหรอ....อย่าหวังเลย
ภคนนท์ยิ้มร้ายเมื่อรู้สึกไม่สบอารมณ์กับคำพูดของคนตรงหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว
มีอย่างที่ไหน กลัวจะไม่มีใครมาจีบ ทั้งที่เขาก็จีบเธออยู่ตรงนี้แล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง
"ฉันไม่คิดว่าจะมีใครมาจีบ คนที่ติดกระดุมเสื้อยันเม็ดสุดท้าย ผูกโบบนคอจนแน่น สวมกระโปรงยาวจนแทบจะลากพื้นอยู่แล้วหรอกนะ"
คำพูดอันแสนร้ายกาจที่ออกมาจากปากคนเย็นชา ทำให้นคินีแทบกรี๊ด บทเขาจะปากจัดขึ้นมาก็ทำให้เธอแทบบ้า
นคินีเม้มปากแน่นส่งสายตาพิฆาตไปยังคนที่บังอาจวิพากษ์วิจารณ์เสื้อผ้าหน้าผมของเธอ เขาหาว่าเธอมันป้า ทั้งเฉิ่มทั้งเชย ไร้รสนิยม และไม่มีใครสนใจคนแบบเธอแน่นอน นี่คือความหมายที่เธอทึกทักขึ้นมาเองจากคำพูดของเขา
ก่อนที่จะได้ตอบโต้กลับไปบ้าง คนที่กำลังหัวเสียก็ต้องชะงัก เมื่อคนร่างสูงพูดขึ้นอีกว่า
"ฉันอนุญาติให้เธอบอกใครๆได้ว่าเธอป็นแฟนฉัน โดยไม่คิดเงินซักบาท แล้วขอกาแฟซักแก้วเป็นค่าตอบแทนก็คงพอ"พูดจบร่างสูงสง่าก็หมุนตัวเดินเข้าห้องทำงานไปในทันที ก่อนทิ้งให้อีกคนอ้าปากหวอกับวาจาที่แสนเจ็บแสบไปถึงทรวงด้วยความเจ็บใจ
ปากร้าย ผู้ชายอะไรปากร้ายที่สุด