รายละเอียด
ร่างบางสมส่วนของหญิงสาวสวยรูปร่างดีในชุดกางเกงขาสั้นสีขาวอวดเรียวขาเพรียวยาว ตัวเสื้อเป็นแขนกุดสีเหลืองอ่อนตรงคอจับจีบแบบคอกระเช้าทว่าออกแบบให้ทันสมัยกำลังนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ข้อนิ้วเรียวจิ้มไปบนคีย์บอร์ดอย่างคล่องแคล่ว ดวงตากลมโตมีรอยหยักพับเหนือดวงตากลอกไปมาเพราะกวาดไล่ตามตัวอักษรในหน้าจอ
เมื่อเจอข่าวที่ต้องการแล้วรอยยิ้มกว้างจึงเปิดขึ้น มือควานหากระดาษกับปากกามาจดสถานที่และเบอร์โทรศัพท์ของสายการบิน “นางฟ้าแอร์ไลน์” สายการบินลำดับต้นๆ ของเอเชียเอาไว้แล้วเอาสมุดมาวางแนบอก ดวงตาแจ่มจรัสไปด้วยความหวังกับอาชีพที่ตัวเองใฝ่ฝัน
นางฟ้า….
อาชีพนี้ใครๆ ก็ใฝ่ฝันอยากจะเป็น โดยเฉพาะสาวๆ วัยเดียวกันกับเธอ แต่อาชีพนี้ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ นอกจากความสวย รูปร่างดี ภาษาดีจะต้องมีใจรักในบริการด้วย เพราะผู้โดยสารแต่ละคนก็ย่อมมีข้อเรียกร้องมากมาย เรียกภาษาชาวบ้านๆ ว่าขี้ข้าดีๆ นี่เอง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอยากเป็น
“ของแฟนเหรอ” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นพร้อมกันนั้นสมุดบันทึกที่เธอเพิ่งจดสถานที่กับเบอร์โทรของนางฟ้าแอร์ไลน์เอาไว้ก็ถูกฉกไปต่อหน้าต่อตาด้วยฝีมือของดลยาหรือได๋ น้องสาวต่างพ่อของเธอเอง
“เอาของฉันมานะนังได๋” คะนึงนางจะแย่งคืน แต่คนตัวเล็กกว่าวิ่งหลบไปตามโซฟาตัวสวยราคาแพงบ่งบอกความร่ำรวยของคนบ้านนี้จนคนเป็นพี่หัวหมุน
“ไม่ให้”
“แต่มันของฉันนะ นังเด็กบ้า” หญิงสาวตวาด
เป็นที่รู้กันของคนในบ้านว่าเธอกับนังน้องสาวต่างพ่อคนนี้ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่นัก เรียกได้ว่าศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่มันลืมตามองโลก อาจเป็นเพราะว่าดลยาแย่งความรักจากแม่ที่เคยมีให้เธอคนเดียวมาตลอดไปครอบครองส่วนหนึ่งก็เป็นได้
นอกจากนี้ดลยายังเกิดมามีครบทั้งพ่อทั้งแม่ ในขณะที่เธอมีเพียงแม่ที่เป็นหลักยึดหนึ่งเดียวมาตลอด เพราะพ่อหย่าขาดจากแม่หลังจากที่เธอเกิดมาได้แค่สิบขวบ พ่อหน้าตาเป็นอย่างไรเธอยังนึกไม่ค่อยออก แต่ในเมื่อฝ่ายนั้นเองก็ไม่คิดจะตามหาหรือหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือเธอก็ไม่อยากจะสนใจ
“หวงขนาดนี้ต้องเป็นของแฟนแน่ๆ เค้าจะเอาไปให้แม่” เด็กหญิงดลยา วัยสิบขวบแต่งกายด้วยชุดเดรสสุดสวยสีแดงเข้มขนาดพอดีตัวแต่ออกจะไม่สมวัยอยู่ซักหน่อย ริมฝีปากจิ้มลิ้มเคลือบลิปสติกมันวาวสีชมพูพาสเทล และแน่นอนว่าลิปสติกยี่ห้อดังราคาแพงนั่นเป็นของผู้เป็นพี่สาว
“มันของๆ ฉัน เอามานะ” หญิงสาวยื้อแย่ง แต่ดลยาแลบลิ้นปลิ้นตา คะนึงนางจึงได้สังเกตว่าน้องสาวแอบเอาเครื่องสำอางตัวเองมาใช้อีกแล้ว “นั่นลิปของฉันนี่ นังได๋!”
“แน่จริงก็จับให้ทัน” ดลยาทำหน้าล้อเลียน เมื่อพี่สาววิ่งไล่ก็วิ่งหนี
เสียงเอะอะโวยวายของสองพี่น้องทำให้รัศมีดารา ที่กำลังนอนเอกเขนกมาร์กหน้าอยู่ริมสระว่ายน้ำโดยมีสาวใช้นวดให้อยู่ไม่ห่างต้องขยับตัวขึ้น นิ้วเรียวกรีดกรายหยิบมาร์กสีขาวนวลออกจากใบหน้าพลางชะเง้อคอมอง
“นังต้อยติ่ง แกเข้าไปดูซิว่าเสียงอะไร”
“โอ๊ย…ไม่ต้องไปดูให้เสียเวลาหรอกค่ะ คุณนางกับคุณได๋ทะเลาะกันอีกตามเคย” สาวใช้ผิวคล้ำผมหยิกหยอยบุ้ยปากเข้าไปในบ้าน เสียงเอะอะโวยวายตามติดมาด้วยเสียงข้าวของกระทบกับพื้นทำให้รัศมีดาราทนเฉยอยู่ไม่ไหว ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินฉับๆ เข้าไปในบ้าน
“หยุดนะ! หยุดๆ” สาวใหญ่ห้ามทัพย่อยๆ ก่อนที่ข้าวของภายในบ้านจะย่อยยับไปมากกว่านี้ แต่แทนที่จะหยุดตามคำห้ามปรามแต่สองสาวต่างวัยกลับยิ่งกระหน่ำข้าวของเข้าใส่กันไม่ยั้ง และชิ้นสุดท้ายก็คือรีโมตคอนโทรลขนาดเท่าฝ่ามือปลิวหวือมาปะทะศีรษะคนห้าม
“โอ๊ย” เสียงร้องอุทานของผู้เป็นแม่ทำให้สองพี่น้องหยุดชะงัก รัศมีดาราเท้าสะเอวมองลูกสาว ดวงตาวับวาวเอาเรื่อง ดลยาจึงชี้นิ้วไปหาพี่สาว
“พี่นางทำ”
“นางไม่ได้ตั้งใจนะคะแม่ นางตั้งใจปาหัวมัน ไม่ได้ปาแม่ แม่นั่นแหละหลบไม่ทัน” หญิงสาวเถียงขึ้นทำให้รัศมีดาราหน้ายุ่ง ก่อนทำหน้าเอือมระอากับความไม่รู้จักโตของคะนึงนาง ที่ปีนี้อายุ 22 ปีแล้วแต่ก็ยังทะเลาะกับน้องเป็นเด็กๆ อยู่เหมือนเดิม
“เราน่ะโตเป็นสาวแล้วนะนาง ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้”
“แม่มาว่านางคนเดียวได้ยังไงล่ะ ถ้านังได๋มันไม่หาเรื่องนางก็ไม่ยุ่งหรอก เด็กอะไรแก่แดด ตัวเท่าเมี่ยงดูทาหน้าทาปากเข้าซินั่น” คะนึงนางยิ้มเหยียดใส่น้องสาวที่กอดอกหน้าเชิดเบ้หน้าเช่นเดียวกัน
“อิจฉาเค้าละสิ”
“แหวะ หน้าเป็นเต้าหู้ยี้อย่างแกนะเหรอ”
“พอทีๆ” รัศมีดาราทรุดแหมะลงกับโซฟาอย่างอ่อนใจก่อนเรียกหายาดมจากสาวใช้ที่วิ่งปรูดมาทันใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าหลังทนฟังลูกสาวทะเลาะกันได้ไม่กี่ประโยคผู้เป็นเจ้านายจะต้องร้องเรียกหายาดมจึงได้ตระเตรียมเอาไว้รอท่า เรียกปุ๊บได้ปั๊บ “มีแกคนเดียวนังต้อยติ่งที่ได้อย่างใจฉัน”
“งั้นคุณแม่ก็เอาอีพี่ต้อยติ่งเป็นลูกเลยสิคะ” ดลยามองค้อนแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาด้านตรงข้าม แต่พยายามอยู่ให้ห่างพี่สาวมากที่สุด ในมือยังจับสมุดโน้ตไม่ยอมปล่อย
“แม่ดูปากนังลูกสาวตัวดีนะ”
“เอาละๆ อย่ามาทะเลาะกันต่อหน้าแม่นะ แล้วนี่อะไร ทะเลาะกันจะตีกันตายจนเกือบหัวร้างข้างแตก” เมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้วรัศมีดาราจึงได้ซักถาม คะนึงนางได้ทีจึงคว้าสมุดโน้ตมาจากมือน้องสาว
“นังได๋มันละลาบละล้วงเอาสมุดโน้ตส่วนตัวของนางไป แล้วนี่มันยังขโมยเครื่องสำอางนางไปแต่งหน้า” หญิงสาวฟ้องขึ้นแต่ดลยารีบแย้ง
“ก็ได๋คอยเป็นหูเป็นตาให้แม่นี่คะ พี่นางหวงสมุดเล่มนี้แสดงว่าต้องเขียนอะไรถึงแฟนแน่ๆ”
“ฉันอายุ 22 ปี เรียนจบแล้วมีแฟนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เด็กสิบขวบอย่างแกริอ่านแต่งหน้าแต่งตาน่ะสิมันเรื่องแปลก นังเด็กแก่แดด”
“กลัวเค้าสวยกว่าก็ว่ามาเถอะ อย่าให้แฟนตัวมาเห็นเค้าก็แล้วกัน”
“นังได๋”
“โอ๊ย…พอแล้วๆ น้องแค่ล้อเล่นหน่อยเดียว อะไรนักหนานะยัยนาง แล้วนั่นน่ะสมุดอะไรทำไมถึงได้หวงนัก มีแฟนน่ะมีได้แม่ไม่ว่าหรอกนะ แล้วทำไมไม่พามาให้แม่ดูตัวมั่ง แต่มีข้อแม้นะว่าห้ามจน”
“แม่ละก็ไปฟังมัน แฟนเฟินอะไร นั่นสมุดโน้ตนางจดสถานที่รับสมัครแอร์โฮสเตสเอาไว้”
รีวิวผู้อ่าน
0 รีวิว
จัดเรียงตาม
อ่านบนแอปฯ Fictionlog
ดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อการอ่านที่ดียิ่งขึ้น