รายละเอียด
[เอ๋~ ถูกพวกมนุษย์จับตัวไปเหรอคะ ทำยังไงถึงได้ถูกจับตัวไปได้ละคะ!?]
ไดอาริสร้องเสียงหลงตอบกลับมา
ผมจึงบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟังทั้งหมด ตอนที่ผมฟื้นขึ้นมา ฟ้าก็สว่างนานแล้ว จากเวลาที่ผมสลบไป น่าจะผ่านไปนานถึงสิบชั่วโมง
เมื่อผมฟื้นขึ้นมาก็ถูกสั่งให้เดินตามไปตลอดทาง ตอนนั้นผมยังเบลออยู่ แถมยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงลืมไปว่ายังมีพวกไดอาริสให้ใช้งานไปเสียสนิท
[แล้วนายท่านจะไปช่วยพวกนั้นปราบไคเมร่าทำไมละคะ!? ตอนนั้นหนีได้ก็น่าจะหนีไปเลย รู้ตัวว่าช่วยอะไรไม่ได้ก็ดันเข้าไปช่วยอีก รู้ไว้เลยนะคะ มนุษย์นะชั่วร้ายที่สุดในสามโลก ถ้าคราวหน้าเจอมนุษย์อีกก็ให้รีบหนีไปเลยนะคะ]
เดี๋ยวๆ ไดอาริส ลืมอะไรไปหรือเปล่า ผมก็เป็นมนุษย์นะ
อืม แต่จะว่าไป เวลาที่ถูกไดอาริสทำเสียงดุใส่ รู้สึกฟังแล้วรื่นหูยังไงไม่รู้ สงสัยว่าผมคงเป็นพวกมาโซอ่อนๆ ชอบถูกสาวๆ ด่าละมั้ง
[... อย่าส่งความคิดแปลกๆ มาให้ข้าจะได้ไหมคะ? ข้าไม่ได้อยากรู้สักหน่อย]
โอ๊ะ เผลออีกแล้ว
การพูดคุยทางความคิดก็มีเรื่องยุ่งยากแบบนี้ ถ้าควบคุมได้ไม่ดี อาจเผลอส่งความคิดแปลกๆ ไปให้อีกฝ่าย
ผมเปลี่ยนมาดูว่าตนอื่นๆ อยู่ที่ไหนกันบ้าง ทำให้ทราบว่ายูร่าและตัวอื่นๆ ได้มารวมกลุ่มกับไดอาริสกันครบหมดแล้ว ผมจึงแจ้งที่อยู่ของผมไปให้ไดอาริส และสั่งให้พวกมันทุกตนรีบเดินทางมาช่วยผมเป็นการด่วน
ตอนนี้เลยเที่ยงมานิดหน่อย พวกไคเมร่าไม่ได้อยู่ที่เดิมอีก ไดอาริสกับพวกจึงรีบเดินทางมาตามเส้นทางที่ผมบอกไว้
ผมคำนวณเวลากว่าที่ไดอาริสจะมาถึงที่นี่ คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสิบสองชั่วโมง น่าจะมาถึงที่นี่ตอนค่ำๆ ของคืนนี้
ระหว่างที่ต้องรอให้พวกไดอาริสมาช่วย ผมจึงเริ่มทำตามแผนสองที่คิดเอาไว้
บึงน้ำแห่งนี้เป็นบึงที่มีอยู่มานานตั้งแต่ยุคสมัยแห่งบรรพกาล
มันมีชื่อเรียกที่แปลเป็นไทยว่า [บึงวิสัญญี]
ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่รอบบึงน้ำแห่งนี้มีอยู่แค่สายพันธุ์เดียวคือ [ต้นพีนาเซีย]
ป่าที่ล้อมรอบบึงวิสัญญีแห่งนี้จึงเรียกว่า [ป่าพีนาเซีย]
ต้นพีนาเซียมีลำต้นเป็นสีเนื้อ แต่มีเกล็ดเป็นสีขาว ใบของมันมีสีเขียวอมเหลือง พื้นดินโดยรอบถูกทับถมด้วยใบไม้และเปลือกไม้ของต้นพีนาเซีย บึงน้ำก็ใสกระจ่างสะท้อนภาพท้องฟ้าและป่าพีนาเซียออกมาราวกับกระจกบานใหญ่ สถานที่แห่งนี้จึงดูขาวสะอาดแตกต่างกว่าป่าที่อยู่ด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อมาถึงชายป่าพีนาเซีย ไดอาริสก็สั่งให้พวกซอมบี้หมียักษ์ทุกตัวหยุดเท้าอยู่ที่นี่ และห้ามไม่ให้พวกมันเข้าไปใกล้บึงน้ำให้มากจนเกินไป
ผมเห็นน้ำในบึงใสแจ๋วก็คิดจะเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ถูกไดอาริสฉุดรั้งเอาไว้เสียก่อน
“นายท่านอย่าเข้าไปใกล้จะดีกว่าค่ะ น้ำในบึงวิสัญญีมีพิษที่ร้ายแรงมาก ถ้านายท่านตกลงไปจะถูกพิษของมันแทรกซึมเข้าไปจนตายได้ค่ะ”
ผมเห็นไดอาริสกล่าวเตือนด้วยใบหน้าจริงจัง จึงจำใจต้องยอมทำตาม
ผมสั่งให้เจ้าก็อบลินตัวหนึ่งเดินเข้าไปที่บึงน้ำแทนผม ไดอาริสกลัวมันจะจมลงไปในบึงจึงใช้มือที่เป็นเถาวัลย์ยืดยาวออกไปพันเข้ากับต้นพีนาเซีย ก่อนจะยืดยาวออกไป
พันเข้ากับเอวของเจ้าก็อบลินอีกทีหนึ่ง
ถ้าเจ้าก็อบลินจมลงไปในบึง แล้วดึงกลับขึ้นมาไม่ไหวก็จะใช้ต้นพีนาเซียต้นนี้ช่วยรั้งเอาไว้สินะ ไดอาริสมีนิสัยรอบคอบใช้ได้เลย
เจ้าก็อบลินเดินเข้าไปที่บึงน้ำอย่างอาจหาญไม่กลัวตาย เพราะว่ามันได้ตายไปแล้ว จึงไม่มีทางจะตายได้มากกว่านี้ เมื่อมันเดินไปถึงริมบึงและมองลงไปด้านล่าง ผมก็พบว่าน้ำในบึงใสกระจ่างถึงขนาดมองทะลุลงไปจนเห็นสิ่งที่อยู่ใต้ก้นบึ้ง
ใต้นั้นมันมีซากศพจำนวนมากมายมหาศาลถึงขนาดทับถมกันจนกลายเป็นภูเขาซากศพหลายสิบลูกอยู่ใต้ก้นบึง
ผมพยายามใช้สายตาของเจ้าซอมบี้ก็อบลินมองทะลุพื้นผิวบึงน้ำลงไปดูซากศพเหล่านั้นว่าเป็นตัวอะไรบ้าง แต่เพราะเงาไม้และภาพสะท้อนทำให้เห็นเป็นแค่เงาร่างดำๆ เท่านั้น เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น และเข้าใจถึงความน่ากลัวของบึงวิสัญญี ผมจึงสั่งให้เจ้า ก็อบลินก้าวเท้าลงไปในบึงน้ำ แล้วปล่อยให้ตัวมันจมลงไปด้านล่าง
น้ำในบึงเหนียวข้นกว่าที่คิดเอาไว้มากขนาดที่เจ้าก็อบลินทิ้งตัวลงไปตรงๆ แต่กลับไม่มีน้ำกระฉอกออกมาเลยแม้แต่หยดเดียว
เจ้าก็อบลินยกแขนทำท่าจะลอยตัวอยู่เหนือน้ำ แต่กลับถูกน้ำในบึงเลื่อนขึ้นมาห่อหุ้มส่วนแขนเอาไว้ มันออกแรงพยายามจะพยุงตัวขึ้นมาอยู่เหนือน้ำ แต่ก็ไม่ได้ผล น้ำในบึงฉุดรั้งให้ร่างของมันจมลงไป มันพยายามจะยื่นมือขึ้นไปให้สูงที่สุด แต่น้ำในบึงก็ห่อหุ้มมือของมันตามขึ้นมาด้วย มันดิ้นรนอยู่สักพักใหญ่ แต่สุดท้ายก็ถูกดึงตัวจมลงไปด้านล่าง หายลับลงไปในบึง
“……..”
เข้าใจแล้วว่าทำไมไดอาริสถึงเตือนไม่ให้ผมเข้าไปใกล้ เพราะถ้าตกลงไป ผมคงมีสภาพไม่ต่างจากเจ้าก็อบลิน ต้องจมน้ำตายสถานเดียว
ว่าแต่นี่มันไม่เรียกว่า ‘ในน้ำมีพิษ’ แล้ว นี่มัน ‘บึงน้ำกินคน’ ชัดๆ
รีวิวผู้อ่าน
11 รีวิว
จัดเรียงตาม
อ่านบนแอปฯ Fictionlog
ดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อการอ่านที่ดียิ่งขึ้น