คำเตือนสำหรับผู้อ่าน

1) นิยายเรื่องนี้เป็นมุมมองบุคลที่ 1 โดยสมบูรณ์ซึ่งเป็นการเล่าจากความคิดและมุมมองของตัวเอกล้วน ๆ ฉะนั้นในนิยายจะมีการใช้คำหยาบเป็นบางครั้ง ทั้งนี้ผู้เขียนไม่มีเจตนาที่ต้องการส่งเสริมให้มีการใช้คำหยาบคายอย่างผิดกาลเทศะ

2) เนื้อหาในนิยายบางส่วนมีความรุนแรง อาทิ การต่อสู้ที่ป่าเถื่อน การฆาตกรรม เลือด และฉากสยอง ฯลฯ ทั้งนี้ตัวผู้เขียนทำเพื่อเสริมอรรถรสให้เนื้อหาเท่านั้น ไม่มีเจตนาสื่อความเพื่อส่งเสริมการใช้ความรุนแรงหรือประพฤติตนขัดต่อมนุษยธรรมและกฎหมายแต่อย่างใด

3) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ตัวละคร สถานที่ และการกระทำใด ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้นมาทั้งสิ้น

ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปีโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

กล่าวถึงโลกในปี ค.ศ. 2050 หลังมนุษยชาติพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งล่าสุดให้กับเหล่าหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์มานานถึง 5 ปี ประชากรมนุษย์เหลือน้อยและอยู่กันแบบกระจัดกระจายจนไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ได้พยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมที่มนุษย์ละเมิดสนธิสัญญา ซาน โฮเซ ที่ถูกเปิดโปงให้ทั่วโลกรับรู้ในเหตุการณ์ที่ชื่อ Zero Incident และเกิดสงครามที่ทำให้มีการดึงทรัพยากรธรรมชาติไปใช้สร้างอาวุธในสงครามและใช้ระเบิดปรมาณูปริมาณมหาศาลจนกัมมันตรังสีตกค้างในพื้นที่จำนวนมาก

วันหนึ่ง โจเซฟ เบเกอร์ หนุ่มดวงอับมนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดีที่ใช้ชีวิตอยู่กับ เจสซิกา น้องสาวของเขาในสถานที่ที่เปิดเป็นโรงเรียนแบบลับ ๆ เพื่อรวบรวมเด็กและเยาวชนที่พลัดหลงมาดูแล ก็ได้ไปพบเข้ากับคันธนูสุดไฮเทคที่สลักชื่อไว้ว่า Brahmastra ทำให้ถูกหุ่นยนต์จำนวนมากตามล่าจนเกิดการสังหารหมู่ในโรงเรียนดังกล่าว เหตุการณ์นี้ทำให้ตัวโจเซฟกับธนูประสานการใช้งานเข้ากันได้ดีจนค่าซิงโครไนซ์กับอาวุธพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนครบ 100% และกลายเป็นเจ้าของธนูคันนี้โดยถาวร แถมยังปรากฎชุดเกราะห่อหุ้มทั้งร่างกายทั้งตัวอีกด้วย แต่ก็ต้องแลกกับการที่โรงเรียนแห่งนี้พังพินาศหมดสิ้น ผู้คนบริสุทธิ์ที่อยู่ในนั้นถูกรุมสังหารเกือบหมด มันได้สร้างความเจ็บปวดแก้โจเซฟถึงที่สุดถึงขนาดเกลียดแค้นโลกและธนูคันนี้ที่พาให้เขาต้องเจอกับเรื่องร้ายมาตลอด โดยเฉพาะการจากไปของคนสำคัญในชีวิตทำให้เขาแทบสติแตก

ระหว่างที่อารมณ์กำลังดำดิ่งกับความสิ้นหวังอยู่นั้นเขาก็ได้รับข้อความจากผู้หญิงที่ชื่อ เจนนี่ วอตสัน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้สร้างคันธนูนี้และอาวุธอื่นอีก 50 ชิ้นภายใต้ Project Warlord เธอบอกว่าโจเซฟคือความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติและขอให้เขาออกตามหาวัตถุลึกลับที่ชื่อ Excalibur ซึ่งเธอได้ทิ้งเบาะแสไว้เป็นข้อมูล AR บนแผนที่ทั่วโลกเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลในกรณีที่ผู้ใช้อาวุธเป็นคนไม่ดี และรวบรวมกองกำลังผู้ใช้อาวุธคนอื่น ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรับมือศึกครั้งสุดท้ายกับสิ่งที่เรียกว่า จตุรอาชา

แม้โจเซฟไม่คิดจะรวบรวมคนหรือออกตามหา Excalibur ตามที่เธอบอก แต่ท้ายที่สุดโชคชะตาก็จะทำให้เขาต้องไปพัวพันกับผู้ใช้อาวุธ Project Warlord คนอื่น ๆ ซึ่งมีทั้งคนดีและไม่ดี และทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับจตุรอาชาอย่างเลี่ยงไม่ได้