รายละเอียด
ผู้แต่ง : OSaa
เรียบเรียง : OSaa
มีแผนจะรีไรท์อยู่เด้อ เพื่อความสมเหตุสมผลมากขึ้น
อัจฉริยะต่างโลก
ลีออนตกลงมาจากตึก 80 ชั้น เขาคิดว่าต้องตายแล้วแน่ๆ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองมาอยู่ต่างโลกซะแล้ว แถมยังมี AI ที่ตัวเองเป็นคนพัฒนาติดตัวมาด้วย เรื่องราวการผจญภัยของอัจฉริยะหนุ่มจึงได้เริ่มต้นขึ้นในโลกแฟนตาซี
- แผนที่โลกจ้า -
รายละเอียดลิ้งนี้เลย
(กอปปี้แล้วนำไปค้นหาได้เลยจ้า หรืออีกทางก็คือจะอยู่ต่อจากตอนที่ 23)
https://fictionlog.co/c/5cbc77639e5554260f3b1578
- ข้อมูลเบื้องต้น -
ขั้นพลังเวทพื้นฐาน
- ผู้ฝึกหัดเวท จะมีตั้งแต่ขั้น 1 - 6
- ผู้ฝึกฝนเวท จะมีตั้งแต่ขั้น 1 - 6
- โดยผู้ฝึกหัดเวทนั้นจะเรียนตั้งแต่เด็กจนถึงอายุ 12 เมื่อผู้เรียน เรียนถึงผู้ฝึกหัดเวทขั้นที่ 6 แล้ว จะมีการสอบเพื่อเลื่อนขั้นไปเป็นผู้ฝึกฝนเวทขั้น 1 โดยส่วนมากก็มักจะผ่านกันหมด พอขึ้นผู้ฝึกฝนเวทแล้วจะต้องเรียนอีก 6 ปีเพื่อให้จบผู้ฝึกฝนเวทขั้น 6 จากนั้นจะมีการสอบวัดระดับเพื่อรับอาชีพ ตามสายการเรียนที่ตนเองได้เรียนมา
ขั้นของแต่ละสายอาชีพ
- สายอาชีพนั้นมีไม่จำกัด แต่สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ดังนี้
- ผู้ใช้อาวุธ
- ผู้ใช้อาวุธนั้น จะเป็นผู้ชำนาญการใช้อาวุธหลาย ๆ แบบในคราวเดียวกัน ขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบส่วนตัวของผู้ใช้ สกิลของผู้ใช้อาวุธจะขึ้นอยู่กับธาตุประจำตัว แต่สกิลส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การเสริมพลังการโจมตีเป็นส่วนใหญ่
- หลังจากเรียนจบการเป็นผู้ฝึกฝนเวทขั้น 6 มาแล้ว ผู้ที่เรียนการต่อสู้จะได้รับฉายาว่าผู้ใช้อาวุธขั้น 1 แต่ยังมีสาขาอื่น ๆ อีกที่ได้รับฉายาอื่น เช่น อัศวินขั้น 1 นักรบขั้น 1 เป็นต้น โดยการจะเพิ่มแต่ละขั้นนั้น ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้ว่ามันจะมาตอนไหน เพราะเมื่อพ้นจากการเป็นผู้ฝึกฝนเวทมาแล้ว ผู้จบการศึกษาจะต้องพัฒนาตนเอง เพื่อให้ตนเองเลื่อนขั้นตามสายอาชีพของตน โดยจะเพิ่มอีก 4 ขั้นฉายา คือ ผู้ใช้อาวุธขั้น 1 - 4 แล้วจากนั้นจึงจะขึ้นเป็นผู้ชำนาญอาวุธ หากเป็นอัศวิน ก็จะเป็น อัศวินขั้น 1 - 4 จากนั้นจึงจะขึ้นเป็นอัศวินชำนาญการ เช่นเดียวกับนักรับ ก็จะเป็นนักรบชำนาญการ
- ผู้ใช้เวทมนตร์
- ผู้ใช้เวทมนตร์จะสามารถควบคุมพลังของธาตุต่าง ๆ ได้ แต่จะชำนาญธาตุที่เป็นธาตุประจำตัวเป็นพิเศษ การโจมตีจะเน้นไปที่การใช้พลังเวทในการรวบรวมพลังธรรมชาติมาใช้โจมตีในลักษณะพลังเวท แต่ผู้ใช้เวทมนตร์ก็ยังใช้อาวุธได้ด้วยหากอาวุธชิ้นนั้นเป็นอาวุธที่ตนเองถนัด และฝึกฝนมันอยู่บ่อย ๆ ก็จะได้รับสกิลของอาวุธชิ้นนั้น แต่จะไม่เยอะเท่ากับผู้ใช้อาวุธ
- ชั้นฉายาของผู้ใช้เวทมนตร์หลังจากจบจากผู้ฝึกฝนเวท จะต้องพัฒนาไปอีก 4 ขั้น คือ ผู้ใช้เวทมนตร์ขั้น 1 - 4 จากนั้นจึงเข้าสู่ ผู้ชำนาญพลังเวท
- ผู้ใช้พร
- ผู้ใช้พรนั้นไม่ต่างอะไรจากผู้ใช้เวทมนตร์มากนัก แต่ผู้ใช้พรจะสามารถใช้อาวุธต่าง ๆ ได้แบบผู้ใช้อาวุธ แต่สกิลของผู้ใช้พรส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การสนับสนุนเสียมากกว่า ผู้ใช้พระจะมีสกิลจำพวกเพิ่มสถานะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการเคลื่อน เพิ่มความรุนแรงของการโจมตีให้กับเพื่อนในปาร์ตี้ หรือแม้กระทั่งการรักษาอาการบาดเจ็บต่าง ๆ รวมไปจนถึงการหาสมุนไพร เพราะผู้ที่เรียนสาขานี้ จะมีความรู้ด้านยามากเป็นพิเศษ แต่ก็อยู่ที่ผู้เรียนด้วยว่าเรียนเก่งแค่ไหน
- เพื่อเรียนจบผู้ฝึกฝนเวทมาแล้ว และได้รับขั้นฉายาผู้ใช้พร ผู้ใช้พระจะต้องพัฒนาอีก 4 ขั้น คือ ผู้ใช้พรขั้น 1 - 4 จากนั้นจะได้รับ ฉายา 2 แบบ แล้วแต่ว่าเขาจะเน้นไปทางไหน หากผู็ใช้พรเป็นคนที่ศึกษาเรื่องยาเก่ง จะได้รับ ฉายา แพทย์ แต่หากผู้ใช้พรเป็นคนที่เน้นไปทางการต่อสู้ จะได้รับฉายา พาลาดิน แต่ยังมีบางคนถึงแม้ว่าจะเป็นแพทย์ เขาก็สามารถต่อสู้ได้ เช่นกัน
- อาชีพเสริมอื่น ๆ -
- อาชีพเสริมในที่นี้คือจะต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติม เมื่อเรียนจบการศึกษานั้น ๆ จะได้รับฉายาเฉพาะตัวมา
- นักปราชญ์ คนที่จบจากหลักสูตรนักปราชญ์ จะต้องเป็นคนเก่งด้านการแพทย์ แต่ก็ยังสามารถต่อสู้ได้ในระดับเดียวกับนักรบ และยังต้องมีความรู้รอบตัวสูงมาก ทุก ๆ สายอาชีพสามารถเข้ามาเรียนหลักสูตรนักปราชญ์ได้ แต่จบเรียนจบจนได้รับฉายาหรือไม่นั้นมันอีกเรื่อง โดยหลักสูตรนักปราชญ์จะเรียนทั้งหมด 8 ปี เป็นการเรียนโดยการผจญภัยไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อศึกษาโลกด้วยตนเอง และเมื่อถึงเวลาจะต้องกลับมารับการทดสอบต่าง ๆ ซึ่งเป็นความลับของทางหลักสูตร
- นักรบ หลักสูตรนี้สามารถเลือกเรียนได้ตั้งแต่ตอนเป็นผู้ฝึกฝนเวท แต่จะมีสอนเฉพาะในโรงเรียนเวทที่ต้องเสียเงินเรียน เพราะเมื่อเรียนจบมาแล้วสามารถเข้าไปทำงานกับมหาราชวังได้ และมียศตำแหน่งทางการทหารด้วย
- อัศวิน หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรเดียวกับนักรบ แต่ผู้เรียนจะสามารถเลือกได้ว่าจะขอรับอาชีพไหน ผู้ที่เป็นอัศวินส่วนมากจะทำงานรับใช้ เหล่า บุตรและธิดาของ ขุนนางในวัง คอยเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ให้กับบุคคลสำคัญต่าง ๆ ซึ่งมียศทางการทหารเช่นกัน แต่หากผู้ที่จบหลักสูตรอัศวินเป็นลูกของเหล่าขุนนางในวัง ก็สามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ ว่าพวกเขาอาจได้รับเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี อาจจะนำเพื่อน ๆ หลายคนที่จบมาในรุ่นเดียวกัน นำจบน่าเกลียดเลยแหละ
ธาตุประจำตัวสามารถจำแนกได้ดังนี้
- ธาตุดิน : เป็นธาตุที่สามารถอัญเชิญภูตต้นไม้และภูตน้ำได้ แต่หากฝึกฝนจนเก่งจะสร้างสามารถอัญเชิญภูตสวรรค์กับภูตไฟได้
- ธาตุน้ำ : ผู้ที่มีธาตุน้ำเป็นธาตุประจำตัว จะสามารถควบคุมน้ำได้ สามารถสร้างอาวุธหรือ ใช้น้ำในการเสริมพลังโจมตีให้กับตนเองได้ และยังสามารถคอมโบสกิลกับผู้ที่มีธาตุประจำตัวธาตุดินได้ โดยจะช่วย เสริมความสามารถของผู้ใช้สกิลธาตุดิน
- ธาตุลม : ความพิเศษของธาตุลมก็คือ ทุก ๆ สกิลที่ปล่อยออกมาจากอาวุธ จะใช้คุณสมบัติของลมในการโจมตีทั้งสิ้น โดยสกิลหลัก ๆ คือการโจมตีระยะกลางโดยที่อาวุธของผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องถึงตัวศัตรู เพียงแค่ตวัดดาบแล้วปล่อยสกิล จะมีลมจำนวนมากบีบอัดตัวเองเป็นอากาศที่คมพุ่งไปยังศัตรูทันทีด้วยความรวดเร็ว หากใช้จนชำนาน จะสามารถเรียกใช้พายุสั้น ๆ ได้
- ธาตุไฟ : แน่นอน ธาตุไฟก็ตรงตามชื่อของมัน โดยหลัก ๆ แล้วธาตุไฟจะเน้นการโจมตีโดยใช้การเผาไหม้เป็นหลัก หากผู้ใช้เป็นสายอาชีพผู้ใช้อาวุธ สกิลของพวกเขาจะเน้นไปที่การเสริมพลังให้กับอาวุธของตนเอง โดยอาวุธของพวกเขาจะสามารถติดไฟได้ และเมื่อโจมตีจะทำให้ศัตรูเผาไหม้ตลอดเวลา นอกเสียจากว่าคู่ต่อสู้ของธาตุไฟจะเป็นธาตุน้ำ โดยทั้งสองธาตุนี้จะหักล้างกันเอง ถ้าผู้ใช้มีระดับความเก่งที่พอ ๆ กัน จึงยากที่จะหาผู้ชนะ
- ธาตุไฟฟ้า : คนที่มีธาตุประจำตัวธาตุไฟฟ้านั้นหาได้ยาก มันเป็นพลังเวทโบราณที่ในปัจจุบันไม่ค่อยจะมีเด็กคนไหนเกิดมาแล้วมีธาตุไฟฟ้า และหากผู้ที่มีธาตุไฟฟ้าเป็นธาตุประจำตัว แต่ขาดการฝึกฝนหรือใช้งาน พลังของธาตุไฟฟ้าจะไม่สามารถเรียกใช้ได้ทันที ต้องรอการก่อเกิดประจุพลังไฟฟ้าในร่างกายจึงจะสามารถใช้ได้ ผู้ที่ใช้จนชำนาญเท่านั้นถึงจะสามารถเรียกใช้สกิลได้ทันทีโดยไม่ต้องรอชาร์จประจุพลังไฟฟ้า
- ธาตุแห่งแสง : ในภูมิประวัตินั้น ธาตุแสงถูกเรียกว่าความว่างเปล่า มันเป็นธาตุที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ไม่อยากให้ลูกหลานของตัวเองมี เพราะธาตุแห่งแสงนั้นยากที่จะควบคุม เพราะแสงนั้นเป็นอนุภาคที่คงที่ แต่ทว่าไม่แน่นอน เพราะนอกจากแสงจะเป็นอนุภาคแล้ว แสงยังถูกจำกัดให้เป็นคลื่นได้อีกด้วย การจะควบคุมพลังแบบนี้ได้ ผู้ควบคุมจะต้องมีปัญญาที่สูงกว่าคนปกติทั่วไป พูดง่าย ๆ ว่าจิตใจจะต้องเข้มแข็งอย่างมาก
- ธาตุความมืด : ยังเป็นธาตุที่ปรากฏอย่างแน่ชัดไม่ได้ เพราะความมืดนั้นมีอยู่ทุกหนแห่ง ยังคงเป็นปริศนาที่รอการพิสูจน์?
- ค่าเงินที่ใช้และอัตราการแลกเปลี่ยน -
- หน่วยที่น้อยที่สุดคือ 1 ทองแดง และจะไล่จากน้อยไปมากได้ดังนี้ ทองแดง - เงิน - ทองคำ โดยมีอัตราการแลกเปลี่ยนดังนี้
- 100 ทองแดง = 1 เงิน
- 100 เงิน = 1 ทอง
- ทุก ๆ 100 ทองสามารถนำไปแลกตั๋วเงินได้ตามคลังของเมือง โดยตั๋วเงินจะถูกออกโดยคลังกลาง ที่จะมีอยู่ทุกที่ตามเมืองใหญ่
- ตั๋วเงินจะมีหลายราคาตั่งแต่ ตั๋วเงินราคา 100 ทอง - ตั๋วเงินราคา 500 ทอง ตั๋วเงินราคา 1000 ทอง ไปจนถึง 1 แสนทอง คือตั๋วที่ราคาแพงที่สุด ที่คลังกลางจะออกตั๋วให้ได้ และถึงแม้ว่าผู้ที่ถือตั๋วจะถูกขโมยตั๋ว ผู้ที่ขโมยก็ไม่มีสิทธิ์ในเงินเหล่านั้น เพราะไม่สามารถนำไปขึ้นเงินได้ โดยหน้าตั๋วเงินได้ลงอักขระรูนไว้อย่างชัดเจนว่าใครคือผู้ถือตั๋วเงิน การจะขึ้นเงินมีเพียงเจ้าของตั๋วเงินเท่านั้นที่จะปลดล็อกอักขระได้ โดยให้เจ้าหน้าที่คลังที่ชำนาญการช่วยเหลือ ในการใช้ภาษารูนเบื้องต้น