รายละเอียด
นางปล่อยจอกขาวในมือตกกลิ้งลงพื้นมิใคร่ไยดีมันอีกหลังลิ้มรสสุราหวานลิ้นจนสิ้นทุกหยาดหยด น้ำตาเอ่อล้นจากหางตาร่วงหล่นลงพื้นผ้าเนื้อหยาบบนพื้นที่นางใช้หนุนนอนต่างเตียง ในห้องหับที่สามีมิเคยคิดเหยียบย่างเข้ามากว่าสิบปี
ใคร่ครวญนึกย้อนว่าเหตุใดชะตาชีวิตจึงชวนให้หัวร่อเยี่ยงนี้ นางผิดหรือไร ต้องทนเจ็บช้ำตรอมตรมเพราะผู้ใด ถูกทำร้ายหัวใจร้าวรานจนแตกสลายย่อยยับมิอาจประกอบขึ้นใหม่ ทุกอย่างที่นางก้าวผ่านจวบจนอายุเข้ายี่สิบแปด...เพราะใคร
ริมฝีปากม่วงคล้ำด้วยพิษที่รับเข้าไปออกฤทธิ์ยังคงฝืนแย้มยิ้มให้กับตนเอง รอยยิ้มโง่งมเพื่อคนโง่เขลาเช่นตัวนาง ผู้ใดหยิบยื่นพิษนี้ให้ ย่อมต้องตอบว่าตัวนาง ผู้ใดทำให้สามีหมางเมินย่อมต้องเพราะนางมิอาจมอบความสุขสำราญในกามารมณ์ให้เขาได้อีก ผู้ใดยอมแต่งเข้าสกุลเหลยตามคำสั่งบิดาหากมิใช่นางเพียงเพื่อหวังตอบแทนบุญคุณ ทั้งยังเพราะหลงเชื่อในเนื้อความว่าจะรักกันไปตลอดกาล
ภาพจำแล่นชัดในห้วงคำนึง ร้อยรัดไล่เรียงเป็นฉาก ภาพนางดื่มสุราพิษที่รับมาจากสามีด้วยตนเองอย่างยินดี หมดสิ้นแล้วซึ่งอาวรณ์ในโลกมนุษย์ หวังเพียงเมื่อตายจะได้ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งลืมเลือนความทุกข์ตรมทั้งมวล ทว่าเสี้ยวหนึ่งของใจกลับแค้นนัก หากสามารถนางย่อมอยากมีความสุข มีชีวิตจนแก่เฒ่า ทว่าเมื่อมิอาจทำได้จึงได้แต่ยอมรับเพราะตนอ่อนแอเอง
ภาพนางถูกสามีทำร้ายร่างกายและจิตใจกระทั่งถูกหมางเมินตลอดห้าปี น้ำแกงร้อนที่สาดลวกจนใบหน้าพุพอง แม้รักษาเพียงใดกลับมิอาจกลับมางดงามได้อีก รอยกรีดยาวบนแขนด้วยเพราะนางทำให้ฮูหยินรองของเขาไม่พอใจ ฝ่ามือหนาที่เคยตระกองกอดฟาดลงบนดวงหน้ายามเมื่อนางร้องขอเศษความเมตตาจากเขา สายตารังเกียจเดียดฉันท์ กระทั่งความเงียบเหงาแม้บ่าวไพร่ยังมิคิดรับใช้ นางสิ้นค่าไร้ราคาเสียแล้ว
ภาพนางนอนร้องไห้ทุกคืนวันยามสามีรับอนุภรรยาเข้าจวนทั้งที่เคยเอ่ยปากรักมั่นในนางผู้เดียว เมื่อนางร่ำไห้เขากลับรำคาญ ทุกคืนล้วนขลุกอยู่กับสตรีน้อยใหญ่ที่เวียนปรนนิบัติมิขาดสาย ในใจของเขาคงมิมีนางเหลืออยู่แล้วกระมัง
ภาพนางกลับเยี่ยมสกุลเหวิน หวังให้บิดาช่วยปลอบใจ หวังให้ผู้ที่นางเคารพดั่งมารดาช่วยแนะนำทางออกแห่งปัญหาที่นางเผชิญ ยามนั้นจึงทราบว่าคำเปรียบเปรยบุตรียามแต่งงานเหมือนน้ำที่สาดออกเป็นเช่นไร จึงทราบว่าแท้จริงที่ยินยอมให้นางแต่งกับสามีเพียงเพื่อสมบัติในอนาคต แต่นางกลับไร้บุตรสืบสกุลเช่นนั้นแล้วจึงมิต่างจากไร้ค่า
ภาพนางกับเขาอิงแอบแนบชิดชมจันทร์ ริมฝีปากที่นางหลงใหลฝากรอยอุ่นบนแก้มนางอย่างมิคิดปราณี เมื่อนางหลีกหนีเขายิ่งรุกไล่จนเกิดเป็นเสียงหัวเราะให้ความสุขแล่นวาบในอก สุดท้ายจึงโอนอ่อนผ่อนตามให้เขาได้เชยชมท่ามกลางแสงจันทร์เย้ายวน ยังคงจำได้ดีถึงรอยยิ้ม แววตาที่เขามอบให้ ทั้งรักใคร่เอ็นดู ทั้งปรารถนากลืนกิน ถ้อยกระซิบให้นางมอบเจ้าก้อนแป้งน้อยให้เขาสักหลายคน
ภาพยามนางถูกจับจูงเข้าห้องหอ รอให้เขาเปิดผ้าคลุมหน้า เพียงได้สบตาดวงหน้ากลับร้อนวาบให้เขาหัวเราะอารมณ์ดี มือคู่นั้นประคองนางร่วมดื่มสุรามงคลอ่อนโยนยิ่ง ทั้งน้ำคำหวานล้ำเอ่ยสัตย์สาบานว่ารักเพียงนาง แม้ต้องแต่งสตรีใดเข้าเป็นรองย่อมยกให้นางเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจเสมอ ความเต็มตื้นในอกเป็นเช่นไร นางในวัยสิบห้าหนาวเพิ่งได้รับรู้เป็นครั้งแรก
ภาพนางและเขามอบรอยยิ้มแก่กันยามเขามาหาถึงจวนสกลุเหวิน นำของฝากจากการเดินทางไปต่างเมืองมากมายมามอบให้ ยังคิดอยู่ในใจว่านางช่างโชคดีนักที่จะได้แต่งให้บุรุษสง่างามที่มีรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนเช่นเขาที่เป็นถึงพ่อค้าใหญ่แห่งแคว้นผิง
ภาพนางรับคำบิดาในหลังพิธีปักปิ่นว่าต้องแต่งงานในอีกห้าเดือนข้างหน้า แม้ตกใจและมิอาจทำใจได้ทันก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ ยิ่งบิดารับของหมั้นหมายทั้งยังหาฤกษ์ยามให้เรียบร้อยยิ่งมิอาจปฏิเสธ กระทั่งแม่รองเข้ามาเอ่ยปลอบขวัญราวนางเป็นเพียงเด็กน้อยไม่ประสา ...ใช่ นางมิประสาจึงถูกคำลวงนั้นทำร้าย
ภาพนางยอมทนให้น้องสาวต่างมารดาดูถูกกลั่นแกล้งรังแก มองพี่ชายร่วมมารดาที่ทำเพียงทอดสายตามองมาแต่มิยอมยื่นมือช่วยเหลือ แม้เขาจะเอ่ยบอกให้นางต่อสู้เพื่อตนเอง แต่นางมิอาจลงมือทำร้ายน้องน้อยจึงได้นำความไปบอกแม่รองซึ่งบอกให้นางอดทนเพื่อน้อง นับจากนั้นราวกับนางมิเคยมีพี่ชายอีกเลย
ภาพนางจ้องมองบิดาเดินจากไปยามปล่อยให้มารดากระตุกร่างยามปลายเท้ามิอาจหยั่งถึงพื้นอย่างไขว่คว้าหาอากาศเมื่อลำคอขาวเนียนถูกมัดด้วยผ้าสีขาว ดวงตาที่งดงามดุจมีดวงดาวมากมายบรรจุอยู่ภายในค่อยหม่นแสงทั้งยังน้ำตาเอ่อคลอ ริมฝีปากบิดเบี้ยวขณะที่ลิ้นค่อยๆแลบยาวออกมา นางกลัวจนแทบสิ้นสติจึงหวีดร้องสุดเสียงได้แต่จ้องมองอยู่อย่างนั้น ยามนั้นนางสงสัยว่าเหตุใดบิดาต้องตกใจ มิใช่เขาหรอกหรือที่นำมารดาขึ้นไปแขวนไว้
ภาพนางเงยหน้ามองมารดาร่ำไห้มิหยุดยามที่ทราบว่าบิดาตบแต่งภรรยาอื่นเข้าจวน มารดาที่แสนอ่อนโยนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าเหตุใดจึงทำร้ายกันได้ลง เพราะภรรยาผู้นั้นยังพาเด็กสาวหนึ่งคนที่เข้ามาเป็นน้องสาวของนางเข้ามาด้วยกัน ...น้องสาวที่มีเลือดบิดาอยู่ครึ่งหนึ่งเหมือนกันและห่างจากนางเพียงครึ่งขวบปี
ภาพยามที่บิดาคีบเป็ดย่างเข้าปากนาง ยังจำได้ว่าบิดาเริ่มพูดถึงเรื่องการรับอนุภรรยา นางเห็นท่านแม่ทำหน้าเศร้าแต่ยังประคองรอยยิ้มไว้ได้ บิดาจึงกล่าวว่ามิต้องห่วงอันใดอย่างไรเขาย่อมคัดค้านให้ถึงที่สุด
น่าขันนัก
ภาพตรงหน้ายามนี้พร่าเลือนเหลือเกิน ความเจ็บปวดแล่นริ้วทั่วร่างจนได้แต่กัดฟันข่มใจให้สงบนิ่ง หากแต่สายเกินไป จิตนางกลับคิดถึงภาพเหล่านั้น ...ภาพที่ย้อนไปจนถึงยามที่นางเก้าขวบนั่น ภาพความทุกข์ใจครั้งแรกของมารดา กระทั่งใจพาลโกรธขึง มิอาจปล่อยวางได้ดังใจ
หึ สุดท้ายแล้วนางต้องตกตายทั้งใจเคียดแค้นเช่นนี้หรือ
นางเปล่งเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ขัดกันกับความยากลำบากที่พยายามสูดลมหายใจ ช่างเถิด ตายตามิหลับแล้วอย่างไร สุดท้ายก็ไม่มีใครสนใจอยู่ดีมิใช่หรือ
เช่นนั้นแล้วก็ขอแค้นให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน ให้มันหยั่งรากลึกจนมิมีสิ่งใดโค่นมันลงได้
อา... นางรู้สึกเสียดาย
หากได้แก้แค้นคงดีไม่น้อย